ระหว่างการแถลงผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ได้กล่าวหา รัสเซียว่ากำลังเตรียมจะระเบิดถล่มเขื่อนคาคอฟกา ที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ในภูมิภาคเคอร์ซอน ทางภาคใต้ของยูเครน ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดหายนะภัยอย่างใหญ่หลวงประธานาธิบดี เซเลนสกี ได้อ้างรายงานข้อมูลของยูเครนที่ระบุว่า กองกำรัสเซียได้มีการฝังกับระเบิดไว้ที่เขื่อนคาคอฟกา กั้นแม่น้ำนีเปอร์ ในภูมิภาคเคอร์ซอน
"พาต้า" ยันไม่เคยคิดขาย "บัวน้อย" ให้กับหน่วยงานอื่น
เจอร์ราร์ด โพสต์ขอบคุณ เสียดายไม่สามารถพาทีมสู่ความสำเร็จ
ซึ่งตกอยู่ภายใต้การยึดครองของทหารรัสเซีย เพื่อหวังจะทำลายเขื่อนแห่งนี้ ในระหว่างที่ทหารรัสเซียต้องล่าถอยเนื่องจากกำลังทหารยูเครนกำลังรุกคืบเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
โดย ประธานาธิบดีเซเลนสกี ได้เรียกร้องให้ชาติตะวันตก เตือนรัสเซียอย่าระเบิดเขื่อนคาคอฟกา เนื่องจากจะทำให้เกิดมวลน้ำมหาศาลทะลักจากอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ทางภาคใต้ของยูเครน อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าการแถลงข่าวของผู้นำยูเครน เซอร์เก ซูโรวิคิน ผู้บัญชาการกองกำลังรัสเซียในยูเครนได้กล่าวหารัฐบาลยูเครนเช่นกันว่า กำลังมีแผนจะโจมตีเขื่อนคาคอฟกา
ซูโรวิคิน อ้างว่า ทหารยูเครนได้ใช้เครื่องยิงจรวดแบบหลายลำกล้อง "ไฮมาร์ส" (HIMARS) ที่สหรัฐฯ ส่งมาให้ ยิงโจมตีเขื่อนแห่งนี้ จนทำให้เจ้าหน้าที่ยูเครนได้ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาของรัสเซีย โดยเชื่อว่านี่คือสัญญาณของรัฐบาลรัสเซียที่อาจกำลังมีแผนระเบิดถล่มเขื่อน และโยนความผิดมาให้แก่รัฐบาลยูเครน
สำหรับเขื่อนคาคอฟกาเป็นหนึ่งในไม่กี่เส้นทางที่เหลืออยู่ในการข้ามแม่น้ำดนีเปอร์ของทหารรัสเซีย ซึ่งกำลังอพยพประชาชนออกจากแควันเคอร์ซอน เพื่อให้ปลอดภัยจากการถูกโจมตีจากกองกำลังฝ่ายยูเครน ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้มีความเคลื่อนไหวสำคัญด้านความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและรัสเซีย เช่นกัน โดยลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้โทรศัพท์ ติดต่อไปยัง เซอร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เพื่อหารือถึงหนทางควบคุมสถานการณ์การรบไม่ให้ขยายวงกว้างออกไป
การพูดคุยทางโทรศัพท์ในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกระหว่างทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมทั้งสองปีระเทศ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ซึ่งครั้งนั้น ออสติน ได้เรียกร้องให้รัสเซียยุติการรุกรานยูเครนทันที พลจัตวา แพต ไรเดอร์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ออสติน ได้เน้นย้ำความสำคัญของการรักษาช่องทางการสื่อสารระหว่างทั้งสองประเทศไว้ ในช่วงที่สงครามในยูเครนยังคงเดินหน้าต่อไปอยู่ โดยเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ฝ่ายรัสเซียไม่ยอมตอบรับคำเชิญของสหรัฐฯ เพื่อกำหนดการหารือกันมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว
ประธานาธิบดี เรย์ซิป เทย์ยิป เออร์โดอาน ผู้นำตุรกีที่พยายามเสนอตัวไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย เปิดเผยว่า ขณะนี้ ประธานาธิบดี วลาดเมียร์ ปูติน มีท่าทีที่อ่อนลง และเปิดกว้างต่อการเจรจามากขึ้น
ผู้นำตุรกี ระบุว่าก่อนหน้าที่จะได้พูดคุยกับ ประธานาธิบดี ปูติน ตนเองได้โทรศัพท์สนทนากับ ประธานาธิบดี เซเลนสกี เช่นกัน ซึ่งผู้นำยูเครนยังไม่ปิดกั้นโอกาสสำหรับการเจรจาสันติภาพ
นอกจากนี้ ประธานาธิบดี เออร์โดอาน ยังกล่าวว่าจะโทรศัพท์ไปพูดคุยกับผู้นำทั้งสองประเทศอีกในเร็ววันนี้ เพื่อรับฟังความคิดเห็น พร้อมแสดงความมั่นใจว่ายังมีความเป็นไปได้ที่รัสเซียและยูเครนจะหยุดสู้รบ และ หันหน้ามาพูดคุยกัน เพราะทั้งสองประเทศต่างได้รับความเสียหายหนักทั้งคู่
ส่วนนาย ดิมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ยืนยันว่า ประธานาธิบดี ปูติน ได้เปิดโอกาสที่จะเจรจากับยูเครนมาตั้งแต่ต้นอยู่ที่แล้ว และยังเป็นฝ่ายริเริ่มการพูดคุยกับทั้งสหรัฐฯ และ องค์กรสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต ก่อนที่จะตัดสินใจส่งกำลังทหารบุกยูเครนด้วย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รัสเซียยืนยันว่าจะไม่ยอมเจรจาคืน 4 ดินแดนยูเครนที่รัสเซียประกาศผนวกเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไปเมื่อเดือนที่แล้ว แม้จะเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ฝ่ายยูเครนยื่นคำขาด หากฝ่ายรัสเซีบต้องการเจรจาสงบศึก