รัสเซีย สั่งถอนทัพจากเคอร์ซอน หลังยูเครนรุกคืบหนัก


โดย PPTV Online

เผยแพร่




จับตาดูการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในสงครามยูเครนหลังจากผู้บัญชาการรบของรัสเซียในสงครามยูเครนประกาศสั่งถอนหทารออกจากเมืองเคอร์ซอน ซึ่งเป็นหนึ่งในสมรภูมิที่สำคัญที่สุดของการทำสงคราม อย่างไรก็ตาม ยูเครนรวมถึงพันธมิตรอย่างสหรัฐฯ จับตาความเคลื่อนไหวนี้ของรัสเซียอย่างระมัดระวัง โดยระบุว่าทั้งหมดนี้อาจเป็นแผนลวงของรัสเซีย

คำสั่งล่าถอยครั้งสำคัญที่สุดนับตั้งแต่สงครามในยูเครนปะทุขึ้นครั้งนี้ ถูกเปิดเผยผ่านทางสถานีโทรทัศน์ของรัสเซีย

ในระหว่างที่พลเอกเซอร์เก ซูโรวิกิน ผู้บัญชาการกองทัพรัสเซียที่ดูแลการทำสงครามในยูเครนรายงานสถานการณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เซอร์เก ชอยกู

ช่วงหนึ่งของการรายงาน พล.อ.ซูโรวิกินได้ระบุว่า จากการประเมินสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว มีความเห็นว่าควรถอยแนวป้องกันกำลังของทหารรัสเซียออกจากแนวฝั่งตะวันตกของแม่น้ำดนีเปอร์ เนื่องจากไม่สามารถส่งเสบียงไปให้ทหารตรงจุดนั้นได้อีกต่อไปแล้ว

ยืนยันแล้ว “ปูติน” ไม่มาร่วมประชุม G20

รัสเซีย-ยูเครน เร่งชิงพื้นที่ก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว

การประกาศถอยครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามในยูเครนเริ่มต้นขึ้น แม่น้ำดนีเปอร์ฝั่งตะวันตกอยู่ตรงไหน สำคัญอย่างไร ทำไมรัสเซียต้องถอนกำลังออกมา และจะมีผลอย่างไรต่อการทำสงครามต่อจากนี้

แม่น้ำดนีเปอร์คือแม่น้ำสายหลักทางตอนใต้ของยูเครนที่ตัดผ่านแคว้นเคอร์ซอน ในทางยุทธศาสตร์ ขณะนี้เคอร์ซอนมีความสำคัญที่สุดสำหรับสงครามครั้งนี้ เพราะที่นี่คือจุดที่เชื่อมต่อกับแคว้นไครเมีย ซึ่งรัสเซียผนวกจากยูเครนมาเมื่อปี 2014

การถอยของรัสเซียที่เคอร์ซอนจึงอาจหมายถึงการเปิดทางให้ยูเครนเข้ายึดแคว้นไครเมียคืน

โดยแคว้นไครเมียเป็นที่ตั้งฐานทัพสวาโตปอล ฐานทัพหลักของรัสเซียในทะเลดำ และเป็นจุดที่รัสเซียใช้ส่งกำลังพลรวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ทหารรัสเซียที่สู้รบทางด้านใต้

อีกความสำคัญของแคว้นเคอร์ซอนคือ การมีพื้นที่ทอดยาวติดกับแคว้นมิโคลายิฟและโอเดสซา สองแคว้นสุดท้ายของยูเครนที่ติดทะเลดำ

รัสเซียต้องการยึดมิโคลายิฟและโอเดสซาให้ได้เพื่อที่จะได้คุมพื้นที่ชายฝั่งทะเลดำอย่างสมบูรณ์ แต่จนถึงขณะนี้ยูเครนยังคงต้านทานใน 2 แคว้นได้อย่างเหนียวแน่น

ไม่เฉพาะตั้งรับได้เท่านั้น ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ยูเครนยังใช้มิโคลายิฟเป็นฐานในการโต้กลับเพื่อยึดแคว้นเคอร์ซอนคืน

นอกจากการรบภาคพื้นดิน สิ่งที่ยูเครนทำควบคู่กันไปคือตัดเส้นทางการลำเลียงกำลัง อาวุธและเสบียงของรัสเซีย ครั้งที่หนักที่สุดคือเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา

นั่นคือการวินาศกรรมระเบิดสะพานเคียร์ชซึ่งเป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างแผ่นดินใหญ่รัสเซียกับแคว้นไครเมีย

ความเสียหายของสะพานแห่งนี้ส่งผลกระทบสำคัญต่อการลำเลียงยุทโธปกรณ์และเสบียงของกองทัพรัสเซีย ไปยังพื้นที่สู้รบทางภาคใต้ของยูเครนอย่างเคอร์ซอน และมาริอูปอล และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ยูเครนได้เปรียบ

ยูเครนสามารถรุกคืบไปได้เรื่อยๆ และขณะนี้แนวหน้าของการรุกมาหยุดอยู่ที่ริมแม่น้ำดนีเปอร์ แม่น้ำสายหลักของแคว้นเคอร์ซอน โดยกองกำลังยูเครนอยู่ฝั่งแม่น้ำด้านตะวันตก ซึ่งจุดนั้นมีกองทัพรัสเซียขวางอยู่

การต่อสู้ในบริเวณนี้เกิดขึ้นอย่างดุเดือดมากกว่า 4 สัปดาห์แล้ว รัสเซียพยายามหยุดไม่ให้ยูเครนรุกคืบต่อเพื่อข้ามแม่น้ำไปฝั่งตะวันออกได้

เพราะถ้าข้ามแม่น้ำไปได้ นั่นหมายความว่า ยูเครนจะเข้ายึดเมืองเอกหรือศูนย์กลางการปกครองของภูมิภาคของแคว้นอย่างเมืองเคอร์ซอนได้

และถ้ายูเครนยึดเมืองเคอร์ซอนได้ เป้าหมายต่อไปคือการเข้ายึดแคว้นไครเมียที่อยู่ติดกัน นี่คือเหตุผลที่รัสเซียต้องพยายามทุกทางเพื่อป้องกันฝั่งตะวันตกของแม่น้ำดนีเปอร์ให้ได้

ที่ผ่านมายูเครนใช้ยุทธวิธีปิดล้อมกองทัพรัสเซียที่ประจำการทางแม่น้ำฝั่งตะวันตก มีการตัดเส้นทางหรือสะพานไม่ให้มีการส่งอาวุธหรือเสบียงเข้ามาในจุดนี้เพื่อบีบให้ทหารรัสเซียยอมจำนน

และดูเหมือนจะได้ผล เมื่อพลเอกซูโรวิกิน ผู้บัญชาการกองทัพรัสเซียขอถอนกำลังออก โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากไม่สามารถส่งอาวุธและเสบียงให้ทหารรัสเซียในจุดนั้นได้แล้ว

หลังจากที่นายพลรายนี้พูดจบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เซอร์เก ชอยกู ก็กล่าวอนุมัติให้มีการถอนกำลังทหารข้ามฝั่งแม่น้ำไปตั้งแนวรบใหม่ทางด้านตะวันออกของแม่น้ำแทน

งานใหญ่ของยูเครนต่อจากนี้คือ ยูเครนจะข้ามแม่น้ำไปฝั่งตะวันออกเพื่อยึดคืนพื้นที่ทั้งแคว้นเคอร์ซอนก่อนจะต่อไปไครเมียได้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม แม้ว่านี่เป็นคำสั่งล่าถอยครั้งใหญ่ของรัสเซีย แต่ยูเครนกับพันธมิตรยังไม่ปักใจเชื่อ โดยระบุว่านี่อาจเป็นกลลวงของรัสเซีย

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ระบุว่า ยูเครนยังไม่สามารถวางใจได้เต็มที่ว่ารัสเซียถอยจริงอย่างที่ประกาศ

สิ่งที่ต้องทำคือ การรุกคืบอย่างระมัดระวัง โดยในขณะนี้แนวรบทางตะวันออก เริ่มได้เปรียบมากขึ้น ส่วนทางใต้ โดยเฉพาะที่เคอร์ซอนต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป

ส่วนมิคาโล โปโดลยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครนกล่าวว่า สถานการณ์ในเมืองแห่งนี้จะอยู่ที่ระดับไว้วางใจได้ ก็ต่อเมื่อยูเครนสามารถควบคุมพื้นที่ได้อย่างสมบูรณ์

อีกความเห็นที่น่าสนใจมาจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ที่ระบุว่า การประกาศถอนกำลังทหารของรัสเซียคือตัวบ่งชี้ว่า กองทัพรัสเซียกำลังมีปัญหา แต่ที่น่าสนใจคือการประกาศนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ออกมา

นั่นหมายความว่า รัสเซียคาดหวังว่า การเปลี่ยนแปลงการเมืองในสหรัฐฯ หรือการที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในสภาจะทำให้รัสเซียเป็นฝ่ายได้เปรียบ เนื่องจากรีพับลิกันมีแนวทางนโยบายต่อสงครามในยูเครนที่ต่างจากพรรคเดโมแครต แต่เหตุการณ์ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะรีพับลิกันไม่ได้ชนะอย่างถล่มทลาย

ไบเดนได้พูดปกป้องแนวทางของตนเองต่อยูเครนว่า การช่วยเหลือของพรรคเดโมแครตและรัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งแต่เริ่มต้นสงครามจนถึงขณะนี้เป็นไปอย่างมีเหตุมีผลและผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยสหรัฐฯ ไม่ได้ให้ทุกอย่างตามที่ยูเครนร้องขอ หากการร้องขอนั้นนำไปสู่สถานการณ์ที่ทำให้สงครามขยายวงขึ้น

อีกประเด็นที่น่าสนใจที่ผู้นำสหรัฐฯ ได้กล่าวถึงคือ การประนีประนอมหรือการเจราจาระหว่างยูเครนกับรัสเซีย เป็นที่น่าสังเกตว่าเรื่องการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามถูกพูดถึงแทบทุกวันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

เริ่มต้นจากเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ได้รายงานโดยอ้างจากแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยรายชื่อว่า ทางสหรัฐฯ ได้ขอให้ยูเครนแสดงท่าทีพร้อมเปิดการเจรจากับทางรัสเซีย

มีการวิเคราะห์กันว่า ที่สหรัฐฯ ทำแบบนี้ไม่ใช่เพื่อบีบบังคับให้ต้องยอมจำนน แต่อาจเป็นเพราะยูเครนอยู่ในจุดที่มีอำนาจต่อรองเพียงพอที่จะขึ้นโต๊ะเจรจาแล้ว หลังได้เปรียบในสงครามอย่างต่อเนื่อง

ที่สำคัญการออกมาพูดถึงการเจรจาสันติภาพถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงเจตนาที่ดีในการแก้ไขความขัดแย้งและการมีคุณธรรมที่สูงกว่าอีกฝ่ายในภาวะสงคราม และนั่นจะทำให้ยูเครนได้รับการสนับสนุนจากประชาคมโลกมากขึ้น

ถึงแม้จะเป็นเพียงการรายงานข่าวที่ไม่มีการเปิดเผยชื่อ แต่ดูเหมือนชัดเจนขึ้น เพราะประธานาธิบดีไบเดนยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดในระหว่างแถลงข่าว

ไบเดนระบุว่า ต้องรอดูว่ายูเครนจะยอมประนีประนอมหรือไม่ โดยเขาจะหารือเรื่องนี้กับบรรดาผู้นำโลกในการประชุม G20 ที่อินโดนีเซีย

ขณะที่เมื่อวานนี้ ( 9 พ.ย.) ก็มีความเคลื่อนไหวจากผู้นำยูเครน สำนักข่าวอัลจาซีรารายงานว่า ผู้นำยูเครนได้พูดถึงเรื่องการเจรจาสันติภาพกับรัสเซียเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน โดยทางฝั่งยูเครนได้ระบุถึงเงื่อนไขที่สำคัญ หากต้องขึ้นโต๊ะเจรจา นั่นก็คือรัสเซียต้องคืนดินแดนทั้งหมดที่ยึดไปให้แก่ยูเครน และต้องเคารพหลักการเรื่องบูรณภาพทางดินแดนของยูเครน

คำสั่งล่าถอยนี้ยังเกิดในช่วงเวลาเดียวกับที่ทางการสหรัฐฯ ได้ออกมาเปิดเผยว่าเกาหลีเหนือลอบส่งกระสุนปืนใหญ่จำนวนมากให้กับรัสเซียเพื่อใช้ทำสงครามในยูเครน เนื่องจากรัสเซียกำลังสูญเสียกำลังพลและยุทโธปกรณ์จำนวนมากในการโจมตีเพื่อกดดันยูเครน

แม้ว่าทางเกาหลีเหนือได้ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้แล้ว แต่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกมายืนยันอีกครั้งว่าเกาหลีเหนือลอบส่งอาวุธให้รัสเซียจริงและกำลังติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

ล่าสุดทางการรัสเซียได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวเช่นกัน โดยบอกว่านี่เป็นเรื่องโกหกแต่ต้นจนจบ

เมื่อวานนี้ มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซียได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียได้ขอซื้อกระสุนปืนใหญ่จากเกาหลีเหนือ โดยระบุว่าเรื่องนี้ไม่มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจน เพราะสิ่งที่สหรัฐฯ พูดนั้นเป็นเรื่องโกหกตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อหาข้ออ้างในการดำเนินมาตรการคว่ำเพิ่มเติม

ก่อนหน้านั้นเกาหลีเหนือก็ได้ออกมาปฏิเสธกับข้อกล่าวหาดังกล่าวของสหรัฐฯ แล้วโดยระบุว่าทางการเกาหลีเหนือไม่เคยและไม่มีแผนที่จะส่งอาวุธไปช่วยรัสเซียทำสงครามกับยูเครน และมองว่านี่เป็นข้ออ้างของสหรัฐฯ เพื่อทำสิ่งที่เรียกว่า ‘การคว่ำบาตรที่ผิดกฎหมาย’

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ