บรรยากาศจากเมืองเคอร์ซอน หลังจากที่กองทัพยูเครนสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ ทหารยูเครนยืนถ่ายวิดีโอเซลฟี่ท่ามกลางประชาชนในแคว้นเคอร์ซอนที่โห่ร้องด้วยความยินดี ซึ่งภาพดังกล่าวถูกปล่อยเผยแพร่ออกมาผ่านเฟซบุ๊กของหน่วยรบพิเศษยูเครน
ชัยชนะของกองกำลังยูเครนในครั้งนี้ สร้างความดีใจและความสุขให้กับประชาชนที่เคยอยู่ในพื้นที่ที่รัสเซียครอบครองนานกว่า 8 เดือน
จากภาพจะเห็นได้ว่าประชาชนได้เข้ามารุมล้อมทหาร พร้อมขอให้ทหารเซ็นลายเซ็นบนธงและมือถือ ขณะที่บางคนถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจและสวมกอดทหาร
โหด! ทหารรับจ้างรัสเซีย “ถูกประหารด้วยค้อน” หลังแปรพักตร์ช่วยยูเครน
วันนี้ที่รอคอย! ยูเครนทวงคืนเคอร์ซอนสำเร็จ หลังถูกรัสเซียยึดไป 8 เดือน
ขณะเดียวกัน ประชาชนที่ออกมารวมตัวก็ได้ร้องเพลงชาติ เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะกันที่จัตุรัสอิสรภาพของแคว้นเคอร์ซอน
พวกเขาบอกว่าดีใจมากที่วันแห่งอิสรภาพมาถึง และรัสเซียไม่มีทางที่จะทำให้ชาวยูเครนแตกแยกได้
ขณะที่แถลงการณ์รายงานสถานการณ์ประจำวัน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดีของยูเครนได้ออกมาเปิดเผยว่า หลังจากที่ยึดพื้นที่ทางตะวันตกของแคว้นเคอร์ซอนคืนมาได้ ยูเครนพบว่ารัสเซียได้ก่ออาชญกรรมสงครามในแคว้นเคอร์ซอนเหมือนกับที่เกิดขึ้นในแคว้นคาร์คีฟ
ผู้นำยูเครนกล่าวว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนได้รวบรวมหลักฐานและทำเอกสารเกี่ยวกับการก่ออาชญกรรมสงครามของกองทัพรัสเซียในเคอร์ซอน ซึ่งมีมากกว่า 400 คดี
ร่างของประชาชนและทหารมีร่องรอยของการทำร้ายแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นที่เมืองบูชา อีซุม และคาร์คีฟ โดยผู้นำยูเครนสัญญาว่าจะคืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิตทุกราย และคนผิดจะต้องถูกนำตัวมารับโทษที่ก่อไว้
นอกจากจะจัดการเรื่องคดีอาชญากรรมสงครามแล้ว ผู้นำยูเครนยังประกาศว่าจะเร่งฟื้นฟูความสงบและระบบต่าง ๆ ของแคว้นเคอร์ซอน ที่ตอนนี้ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการโจมตีของรัสเซีย
สำหรับแคว้นเคอร์ซอน ปัญหาที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
ภาพประชาชนในแคว้นเคอร์ซอนกำลังต่อแถวเพื่อรับอาหารต่าง ๆ เนื่องจากสงคราม ทำให้เกิดภาวะอาหารขาดแคลนหรือมีราคาสูงเกินกว่าที่ประชาชนจะซื้อได้
ประชาชนที่มาเข้าแถวรอรับความช่วยเหลือบอกว่า พวกเขารอความช่วยเหลือมาเป็นเวลานานมาก
ในขณะที่ทหารอาสาของทางการบอกว่า อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีการส่งความช่วยเหลือเพิ่มเติมชุดใหญ่กว่านี้เข้ามา
ย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากรัสเซียประกาศถอนกำลังออกจากพื้นที่ปีกตะวันตกของแคว้นเคอร์ซอน ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครนออกมาเปิดเผยว่าทางยูเครนยังไม่สามารถวางใจกับสถานการณ์ได้ เนื่องจากรัสเซียอาจมีการวางแผนตลบหลังกองทัพยูเครน
โดยหนึ่งในความเป็นได้คือการทำลายเขื่อนโนวา คาโคฟกาทางตอนเหนือของแคว้นเคอร์ซอน ซึ่งยังอยู่ในความครอบครองของรัสเซีย
ล่าสุดทางรัสเซียเปิดเผยภาพวิดีโอออกมาว่าเกิดการโจมตีขึ้นที่เขื่อนโนวา คาโคฟกา
ภาพช่วงเวลาที่เกิดการโจมตีเขื่อนโนวา คาโคฟกา ที่ถูกเผยแพร่โดยสื่อของรัสเซียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยไม่ได้ระบุว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นฝีมือของฝั่งยูเครนหรือไม่
อย่างไรก็ดี การโจมตีเขื่อนโนวา คาโคฟกา เกิดขึ้นในวันที่รัสเซียตัดสินใจถอนกองกำลังของตนเองทั้งหมดออกจากพื้นที่
ทำให้หลายฝ่ายมองว่านี่คือแผนของรัสเซียในการพยายามหาความชอบธรรมในการถอนทหารหรือไม่ เพราะการถอนทหารออกจากพื้นที่ปีกตะวันตกของแม่น้ำดนีโปรในแคว้นเคอร์ซอนครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างความเปลี่ยนแปลงในสนามรบครั้งสำคัญทั้งกับฝั่งรัสเซียและฝั่งยูเครน
นักวิเคราะห์มองว่าสาเหตุสำคัญที่รัสเซียตัดสินใจถอนกองกำลังเป็นเพราะต้องการรักษาชีวิตกำลังพลกว่า 20,000 นายที่ติดอยู่ในพื้นที่
โดยกองกำลังที่ติดอยู่นี้เป็นกองกำลังระดับสูงของฝั่งรัสเซียที่เรียกว่า VDV หรือทหารพลร่ม ซึ่งมีประสิทธิภาพในการรบค่อนข้างสูงและเป็นกำลังสำคัญของกองทัพรัสเซีย
อย่างไรก็ดี การถอนทหารออกจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นโจทย์ที่ใหญ่สำหรับรัสเซีย เพราะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสูญเสียครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นในเชิงสัญลักษณ์หรือยุทธศาสตร์ของฝั่งรัสเซีย
ในทางสัญลักษณ์ เคอร์ซอนเป็นเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ที่รัสเซียเคยยึดได้แบบสมบูรณ์ต่อจากเมืองมาริอูปอล ตลอดจนแคว้นเคอร์ซอนเป็นแคว้นเดียวที่รัสเซียสามารถยึดได้สมบูรณ์นับตั้งแต่เข้ารุกรานยูเครน
นอกจากนี้ ความพ่ายแพ้ของรัสเซียในเคอร์ซอนอาจนำไปสู่ความวุ่นวายทั้งภายในรัฐบาลและในประเทศ
สำหรับในรัฐบาล กลุ่มนักยุทธศาสตร์สายเหยี่ยวอย่าง รามซาน กาดูรอฟ หัวหน้ากองกำลังเชเชน คนสนิทของประธานาธิบดีปูติน และเยฟเกนี ปริโกซิน มหาเศรษฐีของรัสเซีย ผู้ก่อตั้งกองกำลังทหารรับจ้าง (Wagner) ไม่พอใจเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างมาก
โดยทั้งคู่มองว่านี่คือความล้มเหลวของกระทรวงกลาโหมในการจัดการสนามรบและสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาคอรัปชั่นที่สั่งสมมานาน
ในทางยุทธศาสตร์ การเสียพื้นที่ปีกตะวันตกของเคอร์ซอนไป จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับคาบสมุทรไครเมียในอนาคต เนื่องจากยูเครนสามารถรุกคืบข้ามแม่น้ำดนีเปอร์ไปยึดฝั่งตะวันออกได้
สำหรับฝั่งยูเครน การเปลี่ยนแปลงของแนวรบบริเวณสร้างข้อได้เปรียบให้แก่กองทัพยูเครนมากขึ้น ที่เห็นได้ชัดเจนคือ กองทัพรัสเซียทางบกจะไม่สามารถรุกต่อไปถึงแคว้นมิโคลายิฟและโอเดสซา สองเมืองท่าสุดท้ายของยูเครนได้ในเวลานี้
นอกจากนี้ หากในอนาคตฝั่งยูเครนตัดสินใจข้ามแม่น้ำดนีเปอร์ไปพื้นที่ฝั่งตะวันออกและสามารถยึดพื้นที่ได้ ทางฝั่งยูเครนจะมีโอกาสยึดคาบสมุทรไครเมียคืนมาได้
หากยูเครนยึดเคอร์ซอนได้ทั้งแคว้น ยูเครนสามารถสามารถประจำการระบบไฮมาร์ส (HIMARS) ไว้ที่เมืองทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของแคว้นและโจมตีเส้นทางขนส่งทางบกบริเวณเมืองอาร์เมียนสก์ (Armiansk) ซึ่งเป็นถนนเชื่อมไปทั้งแคว้นไครเมีย
นี่จะทำให้รัสเซียเหลือเส้นทางในการส่งบำรุงมายังไครเมียเพียงทางเดียวคือ เส้นทางจากแคว้นมาริอูปอล เนื่องจากสะพานเคียร์ซที่เป็นอีกเส้นทางขนส่งหลักก็ถูกโจมตีจนเสียหายไปแล้วเช่นกัน
นอกจากนี้ หากยึดแคว้นเคอร์ซอนได้ ยูเครนจะสามารถตัดกำลังขนส่งเสบียงและอาวุธทางน้ำของรัสเซียไปยังไครเมียได้ด้วย
เนื่องจากอาวุธร้อยละ 85 ที่ถูกส่งไปยังแคว้นไครเมีย ถูกส่งมาจากคลองไครเมียเหนือ (Northern Crimean Canal) ซึ่งคลองนี้ต้นน้ำอยู่ที่บริเวณเมืองโนวาคาโคฟกา ของแคว้นเคอร์ซอนเชื่อมตรงไปยังเมืองดชานกี(ชาน-กี) ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพอากาศของรัสเซียในแคว้นไครเมีย นี่จะทำให้ยูเครนสามารถยึดไครเมียคืนมาได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ประเมินว่ากองทัพยูเครนอาจยังไม่ตัดสินใจข้ามแม่น้ำไปในเวลานี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะถูกกองทัพรัสเซียบริเวณพื้นที่ด้านปีกตะวันออกโจมตี หลังจากที่รัสเซียวางแนวรบใหม่ โดยมีแนวป้องกันถึง 3 ชั้นในพื้นที่
ขณะเดียวกัน กองทัพรัสเซียก็ได้ทำลายสะพานข้ามแม่น้ำดนีเปอร์ที่เชื่อมระหว่างทั้งสองฝั่งของแคว้นเคอร์ซอนไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังถอนทัพออกจากพื้นที่ ทำให้ยูเครนไม่สามารถข้ามแม่น้ำไปยังพื้นที่ปีกตะวันออกได้
นักวิเคราะห์ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ศักยภาพทางการทหารของรัสเซียกำลังลดลงอย่างหนัก เนื่องจากความพ่ายแพ้ในสมรภูมิต่าง ๆ และการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก สังเกตได้จากการเพิ่มงบประมาณทางการทหาร
โดยงบประมาณทางการทหารของรัสเซียในปี 2023 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 35 จากปีที่แล้ว แต่เมื่อเทียบกับปริมาณที่เพิ่มขึ้นเป็น 40 หลังการระดมพลเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา จะเห็นว่า งบประมาณทางการทหารต่อหัวของรัสเซียลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า งบประมาณด้านความมั่นคงภายในของรัสเซียก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน นี่อาจจะตีความได้ว่ารัสเซียกำลังจะหันกลับไปจัดการกลับปัญหาภายในที่เกิดขึ้น หากผู้นำรัสเซียต้องลงจะหาทางออกจากสงครามในยูเครนด้วยวิธีอื่นที่ไม่ใช่การเอาชนะยูเครน
แม้ว่ารัสเซียจะยอมถอนทัพในเคอร์ซอนจนหลายฝ่ายมองว่ารัสเซียกำลังอยู่ในจุดที่เปราะบางและอาจพ่ายแพ้ยูเครนในสงครามครั้งนี้
แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหราชอาณาจักรอย่างเบน วอลเลซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่เห็นด้วยว่ารัสเซียจะยอมแพ้
วานนี้ ( 13 พ.ย.) เบน วอลเลซ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อขณะที่เขาเดินทางไปร่วมงานวันรำลึกการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 เกี่ยวกับสถานการณ์ในแคว้นเคอร์ซอนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้รัสเซียเสียกำลังใจก็จริง แต่อย่าประเมินความสามารถของรัสเซียต่ำเกินไป
นอกจากนี้รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษยังได้พูดถึงการเจรจาสันติภาพระหว่างสองฝ่ายว่า เป็นเรื่องที่ฝ่ายยูเครนต้องตัดสินใจเองว่าจะเปิดการเจรจาสันติภาพอย่างไรและเมื่อใด
แต่เขามองว่า ยูเครนจะเจรจาสันติภาพต่อเมื่ออยู่ในจุดที่มีอำนาจเจรจามากพอ ตอนนี้ยูเครนยังอยู่ในจุดที่ได้เปรียบและไม่มีเหตุผลใดที่ยูเครนจะหยุดการยึดคืนพื้นที่