เมื่อปี 2014 เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับทั้งโลก เมื่อเครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH17 “ถูกมิสไซล์ยิง” จนตก และทำให้ผู้โดยสาร 283 คนกับลูกเรือ 15 คนบนเครื่องเสียชีวิตทั้งหมด โดยไม่มีผู้รอดชีวิตเลย
หลังจากใช้เวลาในการสืบสวนนานถึง 8 ปี ล่าสุดศาลเนเธอร์แลนด์ได้พิพากษาตัดสินโทษผู้ที่ก่อเหตุโศกนาฏกรรมดังกล่าวแล้ว
ผลสอบชี้ “MH17” ถูกทหารรัสเซียยิงร่วง
ทีมสอบสวนนานาชาติ เผยภาพซากขีปนาวุธบุคที่พบในจุดตก MH17
รัสเซียโต้รายงาน MH17 ชี้ขีปนาวุธที่ยิงเครื่องบินตกผลิตในประเทศ
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2014 เที่ยวบิน MH17 กำลังบินมุ่งหน้าจากอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย แต่เกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อขณะที่เครื่องบินกำลังบินผ่านบริเวณภูมิภาคดอนบาส หรือยูเครนตะวันออก จู่ ๆ กลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนรัสเซียก็ได้ยิงขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ Buk 9M83 มายัง MH17 จนเครื่องตก
โดยจากการสอบสวน ขีปนาวุธได้พุ่งเข้าใกล้เครื่องบินและระเบิดใกล้ ๆ กับบริเวณที่เป็นค็อกพิตนักบิน จากนั้นเครื่องบินก็แตะกระจายเป็นเสี่ยง ๆ จากแรงระเบิด
ภูมิภาคดอนบาสในช่วงเวลานั้นกำลังเกิดความวุ่นวายจากการที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนพยายามโจมตีเมืองต่าง ๆ ของยูเครน ซึ่งเป็นช่วงแรกของความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนที่นำมาสู่สงครามที่ยังคงดำเนินอยู่ในปัจจุบัน โดยขีปนาวุธที่ใช้ยิง MH17 ก็พิสูจน์ทราบได้ว่า ได้รับมาจากสหพันธรัฐรัสเซียด้วย
เหตุการณ์ในครั้งนั้น นับเป็นโศกนาฏกรรมการโจมตีเครื่องบินโดยสารเชิงพาณิชย์ที่ใหญ่และรุนแรงที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำความผิดได้
โดยในการพิจารณาคดีล่าสุด ศาลเนเธอร์แลนด์ได้ตัดสินว่า ชาวรัสเซีย 2 คน และชาวยูเครน 1 คน มีความผิดฐานฆาตกรรมหมู่ ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต และต้องมอบเงินเยียวยารวม 16 ล้านยูโร (ราว 594 ล้านบาท) ให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต
3 คนที่ถูกตัดสินโทษนี้ ประกอบด้วย อิกอร์ เกอร์คิน อดีตนายพันของหน่วยความมั่นคงกลางรัสเซีย (FSB), เซอร์เกย์ ดูบินสกีย์ ซึ่งทำงานให้กับหน่วยข่าวกรองรัสเซีย (GRU) และเลโอนิด คาร์เชนโก ชาวยูเครนซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มแบ่งแยกดินแดน และเป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการในแคว้นโดเนตสก์
อย่างไรก็ตาม จนถึงบัดนี้ยังไม่สามารถจับกุมทั้งสามคนนี้ได้ จึงเป็นไปได้ว่า นี่จะเป็นเพียงคำพิพากษาเปล่า ๆ เท่านั้น และไม่อาจทราบได้เลยว่า ชั่วชีวิตนี้ทั้งสามคนจะได้รับโทษหรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีผู้ต้องสงสัยอีกหนึ่งคนคือ โอเล็ก พูลาตอฟ อดีตทหารหน่วยรบพิเศษของรัสเซีย แต่มีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะเอาผิด
หัวหน้าผู้พิพากษา เฮนดริก สตีนฮุยส์ กล่าวว่า ศาลพบว่า การยิงขีปนาวุธใส่ MH17 เป็นการกระทำที่ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าโดยตั้งใจที่จะทำให้เครื่องบินตก และแม้พวกเขาอาจบอกว่าทีเป้าหมายเพื่อยิงเครื่องบินทหาร เหตุการณ์ดังกล่าวมันชัดเจนมากว่า จะไม่มีใครบนเครื่องบินเป้าหมายสามารถรอดชีวิตได้
“ระบบขีปนาวุธ Buk ถูกออกแบบมาเพื่อยิงเครื่องบิน และไม่สามารถยิงแบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้ การจะยิงจำเป็นต้องมีการเตรียมการ รวมถึงการกำหนดพื้นที่ในการยิง และการขนย้ายขีปนาวุธไปยังพื้นที่ที่เหมาะสม การยิงต้องมีความรอบคอบและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนตามขั้นตอนทางเทคนิค และต้องใช้เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี โอกาสที่บุคคลบนเครื่องบินจะรอดชีวิตจากการโจมตีโดยขีปนาวุธ Buk นั้นเป็นศูนย์” ศาลเนเธอร์แลนด์ระบุ
ที่ผ่านมา รัสเซียได้ปฏิเสธความรับผิดชอบใด ๆ ต่อการโจมตี MH17 และบอกว่าคำพิพากษาล่าสุดนี้เป็น “มีนัยยะทางการเมือง” ซ่อนอยู่ และกล่าวว่าจะไม่ส่งตัวผู้ที่มีชื่อถูกพิพากษาจำคุกให้กับเนเธอร์แลนด์โดยเด็ดขาด
ด้านประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวถึงคำพิพากษาดังกล่าวว่า เป็นก้าวสำคัญในการนำผู้มีส่วนรับผิดชอบมารับโทษ “การจัดการกับผู้บงการก็มีความสำคัญเช่นกัน เนื่องจากการไม่ต้องรับโทษอาจนำไปสู่การก่ออาชญากรรมครั้งใหม่ เราต้องปัดเป่าภาพลวงตานี้ ให้การลงโทษสำหรับความทารุณทั้งหมดของรัสเซียไม่ว่าจะในเวลานั้นหรือตอนนี้เป็นสิ่งที่หลบเลี่ยงไม่ได้”
เรียบเรียงจาก CNN / The Guardian
ภาพจาก AFP