"ฮ่องกง" ทยอยผ่อนคลายล็อกดาวน์ โควิดเพิ่มเติม

เมื่อวานนี้ คณะผู้บริหารฮ่องกงได้ประกาศว่าระยะเวลาการกักตัวของผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และ ผู้สัมผัสใกล้ชิดจะถูกลดลงจาก 7 วัน เหลือ 5 วัน เช่นเดียวกับ ข้อบังคับสำหรับผู้เดินทางเข้าเมืองที่ทางการฮ่องกงได้ปรับลดระยะเวลาการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19  ด้วยวิธีการแบบ แรปปิด เทสต์ ( rapid test)จากเดิมที่ต้องตรวจหาเชื้อทุกวันเป็นเวลา 7 วัน เหลือเป็นตรวจเชื้อทุกวันเป็นเวลา 5 วัน 

สภาพอากาศวันนี้! อากาศเปลี่ยนแปลง ฝนตกกระจายหลายภาค ใต้ยังอ่วมเสี่ยงน้ำท่วม

ค่าเงินบาทเช้านี้ "แข็งค่า" วิตกเศรษฐกิจสหรัฐดิ่งฉุดดอลลาร์อ่อน

 

อย่างไรก็ตาม ผู้เดินทางเข้าฮ่องกงยังต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธีการ PCR ในวันแรกที่มาถึง และวันที่ 3 ส่วนมาตรการอื่นๆทั้งการเว้นระยะห่างทางสังคม การสวมหน้ากากอนามัย และ การใช้แอปพลิเคชั่นติดตามในอาคารสาธารณะ บาร์ และ ร้านอาหารจะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันมี่ 28 ธ.ค.นี้ 

กระทรวงสาธารณสุขฮ่องกงเปิดเผยว่าขณะนี้จำนวนผู้ติดเชิ้อไวรัสโควิด-19 รายนวันยังมีทิศทางสูงขึ้นเนื่อยๆ และ ยังไม่มีสัญญาณว่าจะลดลง ขณะที่ระบบรักษาพยาบาลยังคงเผชิญแรงกดดันค่อนข้างสูง ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงต้องดำเนินนโยบายเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป 

เมื่อวานนี้ทางการฮ่องกงรายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 14,373 คน ทำสิถิติสูงสุด นับตั้งแต่เดือน มี.ค. การผ่อนคลายกฎระเบียบควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในฮ่องกงมีขึ้น หลังจากที่ทางการจีนแผ่นดินใหญ่ประกาศมาตรการผ่อนคลายการควบคุมโควิดอย่างเข้มงวดเมื่อวันพุธ หลังการประท้วงต่อต้านนโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ทั่วประเทศในช่วงที่ผ่านมา

มาตรการที่ทางการจีนผ่อนคลาย รวมทั้งการอนุญาตให้ผู้ติดเชื้อที่มีอาการไม่รุนแรงสามารถกักตัวอยู่ที่บ้าน และยกเลิกการแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบกับผู้คนที่จะเดินทางภายในประเทศ นับเป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดเท่าที่รัฐบาลจีนได้นำมาใช้ เพื่อให้ประเทศผ่อนคลายออกจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่เริ่มบังคับใช้เมื่อ 3 ปีก่อน

แม้ทางการจีนจะให้เหตุผลว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่เป็นสายพันธุ์หลักในขณะนี้ มีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์อื่น แต่นักระบาดวิทยาต่างประเทศเตือนว่าท่าทีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมของรัฐบาลจีนไม่ใช่สิ่งที่สะท้อนถึงความรุนแรงของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน

 

 

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจีนยังคงจับตาสถานการณ์การระบาดในจีนอย่างใกล้ชิด ในแง่ผู้เสียชีวิตและความพร้อมของระบบสาธารณสุข หากมีเหตุที่ต้องกลับมาบังคับใช้มาตรการคุมเข้มอีกครั้ง 

โดยผลการศึกษาหลายชิ้นได้ระบุว่าสายพันธ์ดังกล่าวมีความรุนแรงน้อยลงจริง แต่ความรุนแรงลดระดับลงไปไม่มากนักเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น นอกจากนี้ จีนเองก็ยังไม่มีการเตรียมความพร้อมที่ดีพอ หากเกิดการระบาดระลอกใหม่ที่มีความรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิต เพราะสัดส่วนประชากรที่ได้ฉีดวัคซีนข็มกระตุ้นภูมิยังอยู่ในระดับต่ำ

ในกลุ่มเสี่ยงสูงที่เป็นผู้สูงอายุเกินกว่า 80 ปี มีเพียง 40 เปอร์เซนต์ที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิ และ เกือบทุกคนในประเทศจีนยังไม่มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่ได้รับจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระลอกก่อนๆ