การสู้รบที่นี่ดุเดือดมาก ทั้งรัสเซียและยูเครนกำลังต่อสู้และปะทะกันอย่างหนัก ตอนนี้รัสเซียเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบและยึดครองพื้นที่ได้ราวร้อยละ 50 แล้ว
เดนิส ปูชิลิน ผู้ว่าการแคว้นโดเนตสก์ที่แต่งตั้งโดยรัสเซีย ได้ออกมาแถลงว่า ตอนนี้พื้นที่ของแคว้นโดเนตสก์อยู่ภายใต้การครอบครองของรัฐบาลรัสเซียเรียบร้อยแล้ว และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่รัสเซียครอบครองมีมากกว่าที่อยู่ในพื้นที่ที่ยูเครนครอบครองอยู่
เหลือแต่ซาก! ผู้นำยูเครน เผย เมือง "บัคมุต" ถูกทำลายยับ กว่า 1 ล้าน คนไม่มีไฟฟ้าใช้
รัสเซีย ออกโรงปรามนาโตหากส่ง"แพทริออต"ให้ยูเครน
เมื่อไปตัวแผนที่สถานการณ์การสู้รบประจำวันจะเห็นได้ว่า ตอนนี้พื้นที่สีแดงที่รัสเซียครอบครองทางภาคตะวันออกกินพื้นที่ไปมากกว่าร้อยละ 50 ตามที่ผู้ว่าการแคว้นโดเนตสก์ที่แต่งตั้งโดยรัสเซียได้กล่าวอ้าง
นอกจากนี้จะเห็นว่าทั้งฝั่งรัสเซียและยูเครนยังคงปะทะกันอย่างหนักถึง 8 จุด ตั้งแต่พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไล่ลงมาตลอดขอบของพื้นที่ในนภูมิภาคดอนบาส
ภาพส่วนหนึ่งของการต่อสู้อย่างหนักของทั้งสองฝ่ายในแคว้นโดเนตสก์ ทางการรัสเซียรายงานว่าตลาดแห่งนี้ถูกทางฝั่งยูเครนโจมตีด้วยเครื่องยิงจรวดชนิดหลายลำกล้องส่งผลให้ห้างร้านและสถานที่ต่าง ๆ เกิดเพลิงไหม้และได้รับความเสียหายอย่างหนักจนถล่มลงมา เหลือเพียงแค่เศษซากปรักหักพัง
อย่างไรก็ดี ทางการรัสเซียไม่ได้ระบุว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหรือไม่
นอกจากความเสียหายจากฝั่งรัสเซียแล้ว การสู้รบยังทำให้ฝั่งยูเครนโดยเฉพาะทหารที่อยู่ในแนวหน้าบริเวณแคว้นโดเนตสก์บาดเจ็บไปจำนวนมากเช่นกัน
ภาพสถานการณ์ในแนวหน้าของสนามรบ ที่แพทย์ทหารกำลังปฐมพยาบาลและดูแลทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ
แพทย์ทหารรายนี้ระบุว่า มีผู้บาดเจ็บสาหัสในสนามรบจำนวนไม่น้อย บางวันอาจต้องตัดขาทหารที่บาดเจ็บหลายราย หรือบางวันอาจต้องรักษาผู้ป่วยติดกันหลายชั่วโมง
ในขณะที่แพทย์ประจำบ้านอีกรายบอกว่า ผู้ป่วยที่มาที่นี่ไม่เคยเรียกร้องขอให้พาตัวพวกเขากลับบ้าน ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นห่วงบ้านและครอบครัวของตนเองมากกว่า
นอกจากการโจมตีภาคพื้นดินแล้ว รัสเซียยังคงพยายามโจมตีทางอากาศเข้าใส่ยูเครนอย่างต่อเนื่อง
สังเกตได้จากเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่รัสเซียใช้โดรนชาเฮด-136 ของอิหร่านพุ่งเป้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของแคว้นโอเดสซาทางตอนใต้ของยูเครน
การโจมตีดังกล่าวส่งผลทำให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างและต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือนหรือตลอดทั้งฤดูหนาวในการซ่อมแซมระบบไฟฟ้าให้กลับมาเป็นปกติ ซึ่งหมายความว่าประชาชนในโอเดสซาอาจไม่มีพลังงานใช้ เพื่อให้ความอบอุ่นตลอดฤดูหนาวปีนี้ นี่ทำให้ผู้นำยูเครนต้องออกมาประณามพฤติกรรมดังกล่าวของรัสเซียอีกครั้ง
เมื่อวานนี้ (12 ธ.ค.) โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้ออกมาแถลงโดยระบุว่า ยูเครนยังคงต้องเฝ้าระวังการโจมตีจากรัสเซีย เพราะทางรัสเซียสามารถโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของยูเครนเมื่อใดก็ได้ และรัสเซียก็จะไม่มีวันล้มเลิกวิธีนี้
นอกจากนี้ ผู้นำยูเครนยังระบุว่า การพยายามโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของยูเครนเป็นเพียงความหวังสุดท้ายของรัฐก่อการร้ายอย่างรัสเซีย
ขณะเดียวกัน ผู้นำยูเครนก็ได้ปรากฏตัวผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ในที่ประชุมประเทศกลุ่ม G7 ที่จัดขึ้นเมื่อวานนี้ เพื่อหารือฉุกเฉินเกี่ยวกับเรื่องการให้มอบระบบป้องกันภัยทางอากาศเพื่อช่วยเหลือยูเครน
โดยผู้นำยูเครนได้ร้องขอรถถังรุ่นใหม่ อาวุธป้องกันตัว ปืนใหญ่ และขีปนาวุธพิสัยไกล รวมไปถึงขอซื้อก๊าซธรรมชาติอีกราว 2 พันล้านลูกบาศก์เมตร
นอกจากนี้ ผู้นำยูเครนยังได้ให้สัญญาเกี่ยวกับทางออกสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยเสนอให้มีการประชุมสุดยอดพิเศษที่เรียกว่า “การประชุมสุดยอดสูตรสันติภาพโลก” เพื่อตัดสินใจว่าเราจะนำประเด็นของสูตรสันติภาพยูเครนไปปฏิบัติอย่างไรและเมื่อใด
สูตรสันติภาพโลกที่ผู้นำยูเครนกล่าวถึงนี้เคยถูกพูดถึงแล้วในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งประกอบไปด้วย การลงโทษผู้รุกราน ปกป้องชีวิต ฟื้นฟูความมั่นคงและบูรณภาพทางดินแดน การประกันความมั่นคง และให้ความสำคัญกับการกำหนดทางเดินและอนาคตของประเทศต่าง ๆ ด้วยตนเอง
หลังจากการประชุม สำนักข่าวดอยเชอ วอลเลอของเยอรมนีรายงานว่า ที่ประชุมชาติสมาชิก G7 ยืนยันว่าจะให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนต่อไป และจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มความช่วยเหลือเรื่องระบบป้องกันภัยทางอากาศให้แก่ยูเครน
นอกจากการประชุมของชาติสมาชิก G7 แล้ว เมื่อวานนี้ยังมีอีกวงประชุมที่สำคัญ ซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็นสงครามยูเครน คือ การประชุมของคณะรัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรป
เมื่อวานนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรป ได้ประชุมเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านและรัสเซีย
โดยในที่ประชุมบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศได้มีการอภิปรายเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอิหร่าน หลังอิหร่านประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวทางการเมือง และเนื้อหาของมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียชุด 9 ซึ่งจะมีการเพิ่มรายชื่อบุคคลที่ถูกสหภาพยุโรปคว่ำบาตรอีกกว่า 200 ราย
โจเซป บอร์เรล หัวหน้าฝ่านนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป ระบุว่าตอนนี้ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ แต่เขาหวังว่าที่ประชุมจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการคว่ำบาตรรัสเซียชุดที่ 9 ได้ภายในสัปดาห์นี้
ภาพถ่ายทางดาวเทียมที่เปิดเผยให้เห็นภาพของสถานีทูมันกัง ที่เชื่อมต่อทางรถไฟจากเกาหลีเหนือไปยังรัสเซีย เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
ภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า รัสเซียกับเกาหลีเหนือกลับมาทำการค้าร่วมกันอีกครั้ง หลังจากที่ต้องปิดตัวไปด้วยสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19
อย่างไรก็ดี การกลับมาทำการค้าร่วมกันของทั้งสองชาติ เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลของนานาชาติว่าเกาหลีเหนืออาจขายขีปนาวุธและกระสุนจำนวนมากให้แก่รัสเซีย เพื่อใช้ทำสงครามในยูเครน หลังจากที่มีรายงานว่ารัสเซียกำลังขาดแคลนอาวุธ
ทั้งนี้ ยังไม่มีการยืนยันว่าเกาหลีเหนือขายอาวุธให้รัสเซียจริง แต่ก็มีรายงานว่าเกาหลีเหนือส่งสินค้าที่ผิดปกติไปยังรัสเซียคือ ม้าสายพันธุ์ดีสีเทาจำนวน 30 ตัว
ท่ามกลางการรุมประณามจากประชาคมโลก มาตรการการคว่ำบาตร และสงครามในยูเครนที่ยังไม่มีความคืบหน้า หรือหลายฝ่ายใช้คำว่า “ผิดแผน” รวมถึงการต้องไปขอความช่วยเหลือจากอิหร่านและเกาหลีเหนือ กำลังส่งผลกระทบกับประธานาธิบดีปูตินไม่มากก็น้อย
โดยหนึ่งในตัวชี้วัดที่อาจยืนยันข้อสันนิษฐานนี้คือ การยกเลิกแถลงผลงานประจำปี 2022 ของผู้นำรัสเซีย
สำนักข่าวเดอะไฟแนนเชียลไทม์รายงานว่า เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้ประกาศยกเลิกการแถลงรายงานผลงานประจำปี ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ หลังจากที่ประธานาธิบดีปูตินขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำรัสเซีย
การรายงานประจำปีดังกล่าวของผู้นำรัสเซีย ถือเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นต้องทำ เนื่องจากถูกระบุไว้ในรัฐธรรมของรัสเซีย เพื่อแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสของรัฐบาลตามแนวทางของระบอบประชาธิปไตย
การประกาศยกเลิกแถลงผลงานในครั้งนี้จึงมีนัยสำคัญทางการเมืองสำหรับตัวผู้นำรัสเซีย
หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลรัสเซียกำลังเผชิญกับความไม่สงบมากขึ้นหลังตัดสินใจเข้ารุกรานยูเครน และการล่าถอยในสนามรบครั้งสำคัญ ตลอดจนนโยบายการเกณฑ์ทหารได้รับการต่อต้านจากประชาชนจำนวนมาก
การตัดสินใจยกเลิกการแถลงข่าวในครั้งนี้ จึงเป็นการพยายามป้องกันผู้นำรัสเซียจากการโดนบรรดานักข่าวถามคำถามที่เกี่ยวข้องกับสงครามที่เกิดขึ้นในยูเครน
