"ปูติน" ประกาศพร้อมเจรจา ยันบุกยูเครนเพื่อปกป้องรัสเซีย

โดย PPTV Online

เผยแพร่

สงครามในยูเครนดำเนินมากว่า 306 วันแล้ว แม้ว่าจะเข้าสู่ฤดูหนาว แต่รัสเซียยังคงโจมตียูเครนอย่างต่อเนื่องด้วยขีปนาวุธและปืนใหญ่ ตอนนี้จุดที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างหนักคือ เมืองบัคมุตและครามาทอร์สก์ สองเมืองสำคัญในแคว้นโดเนตสก์ ขณะเดียวกันวันนี้มีรายงานว่า เกิดการโจมตีขึ้นที่สนามบินภายในแผ่นดินของรัสเซียอีกครั้ง หลังจากที่เพิ่งถูกโจมตีไปเมื่อเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

สำนักข่าว CNN รายงานว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียได้ยิงสกัดโดรนลำหนึ่งขณะที่เข้าใกล้ฐานทัพอากาศเอนเกลส์ ในนครซาราตอฟ ทางตอนกลางของประเทศรัสเซีย ผลจากโจมตีสกัดโดรนลำกล่าว ทำให้มีทหารรัสเซียที่ประจำการอยู่บริเวณเสียชีวิต 3 นาย

อย่างไรก็ดี ทางการยูเครนยังไม่ได้ออกมายืนยันหรือแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้  มีเพียงยูรี อีนัต โฆษกกองทัพอากาศยูเครนที่ออกมาพูดเพียงว่า นี่คือผลลัพธ์จากการกระทำของรัสเซียเอง

ฐานทัพอากาศรัสเซียบึ้มอีกครั้งในรอบเดือน ยังไม่ทราบสาเหตุ

"ปูติน" จี้บริษัทอาวุธ เร่งผลิตป้อนกองทัพ ให้เพียงพอไปสู้กับยูเครน

ในขณะที่มีรายงานการโจมตีฐานทัพอากาศ ทางการยูเครนได้เปิดฉากซ้อมรบบริเวณชายแดนส่วนที่ติดกับเบลารุส ซึ่งทางการยูเครนรายงานว่า การซ้อมรบนี้เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

โดยการซ้อมรบนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีสัญญาณว่า รัสเซียอาจใช้เบลารุสเป็นช่องทางในการบุกเข้ากรุงเคียฟอีกครั้ง หลังจากที่ผู้นำรัสเซียประกาศยกระดับความสัมพันธ์ทางการทหารร่วมกับเบลารุสไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

จะเห็นได้ว่า ตอนนี้ทางฝั่งยูเครนเริ่มตอบโต้ฝั่งรัสเซียกลับค่อนข้างบ่อยครั้งขึ้น อย่างไรก็ดี ท่ามกลางการโจมตีและการโต้กลับที่รุนแรง ล่าสุดมีสัญญาณออกมาจากฝั่งผู้นำรัสเซียว่า รัสเซียพร้อมเสมอสำหรับการเจรจาสันติภาพเพื่อสงบศึกในครั้งนี้

วานนี้ 25 ธ.ค. สำนักข่าวอัลจาซีรารายงานว่า วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียได้ให้สัมภาษณ์ในรายการของช่องรัสเซียอะดีน หรือ รัสเซียวัน (Russia 1) ว่า รัสเซียพร้อมเจรจาสันติภาพกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่การเจรจานั้น ต้องเป็นวิธีที่ยอมรับได้ ซึ่งฝ่ายที่ดูเหมือนจะไม่พร้อมคือทางยูเครนและชาติตะวันตก

ขณะเดียวกัน ผู้นำรัสเซียก็ได้ตำหนิชาติตะวันตกว่า มุ่งทำลายประวัติศาสตร์ของรัสเซีย ตลอดจนต้องการแบ่งแยกและปกครองภูมิภาคนี้ ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่รัสเซียพยายามทำ คือ พยายามรวมรัสเซียให้กลายเป็นหนึ่งอีกครั้ง

ผู้นำรัสเซีย ยังกล่าวเสริมว่า สิ่งที่รัสเซียกำลังทำอยู่ตอนนี้มาถูกทางแล้ว เพราะรัสเซียกำลังปกป้องผลประโยชน์ของชาติและประชาชนชาวรัสเซียอยู่

หลังจากนั้น มิไคโล โปลโดยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน ได้ออกมาทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์สวนกลับคำพูดของผู้นำรัสเซียทันที

โดยเขาระบุว่า ผู้นำรัสเซียต้องกลับมาสู่โลกความเป็นจริงก่อน เพราะรัสเซียโจมตีและสังหารประชาชนยูเครนอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ได้มีเรื่องประเทศ แรงจูงใจ หรือ ภูมิรัฐศาสตร์ใดๆ มาเกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ในทวิตของที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครนยังระบุว่า ที่ผู้นำรัสเซียออกมาพูดเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะต้องการเจรจาสันติภาพ แต่เป็นเพราะต้องการปฏิเสธความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครน

เริ่มต้นที่เมืองคูเปียนสก์ในแคว้นคาร์คีฟ เมื่อวานนี้มีรายงานว่า กองทัพรัสเซียได้ยิงขีปนาวุธจำนวน 10 ลูกถล่มเขตนี้ ส่งผลให้อาคารบ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหาย

ถัดจากเมืองคูเปียนสก์ อีกพื้นที่หนึ่งที่ถูกโจมตีคือ เมืองครามาทอร์สก์ในแคว้นโดเนตสก์

โดยภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลจากการโจมตีส่งผลให้อาคารบ้านเรือนและที่พักของประชาชนได้รับความเสียหายอย่างหนัก และมีรายงานว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธถึง 3 ลูก โจมตีพื้นที่อุตสาหกรรมของแคว้นคาร์มาทอร์สก์ แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ขณะเดียวกัน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผู้ว่าการแคว้นเคอร์ซอนรายงานว่า กองทัพรัสเซียได้โจมตีแคว้นเคอร์ซอนถึง 71 ครั้ง โดยกว่า 41 ครั้งเป็นการยิงโจมตีเมืองเคอร์ซอน ซึ่งเป็นเมืองเอกของแคว้น

ผลจากการโจมตีดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตไปถึง 16 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 64 ราย

หลังจากที่รัสเซียโจมตีอย่างหนัก ผลที่ตามมานอกจากอาคารบ้านเรือนเสียหายและประชาชนบาดเจ็บล้มตาย คือ ชาวยูเครนจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน อย่าง ไฟฟ้า หรือประปาได้

นี่ทำให้หลายเมืองต้องตกอยู่ในความมืดมิดและหนาวเย็นท่ามกลางฤดูหนาวที่กำลังดำเนินไป จนทำให้ผู้นำยูเครนออกมาประณามฝั่งรัสเซียอีกครั้ง

เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนได้ออกแถลงการณ์ประจำวันระบุว่า รัสเซียกำลังทำให้ชาวยูเครนตกอยู่ในความมืดและต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เพื่อชดเชยกับสิ่งที่รัสเซียต้องเสียไปจากการทำสงครามกว่า 10 เดือน

อย่างไรก็ดี ผู้นำยูเครนย้ำว่าความมืดจะไม่สามารถทำอะไรยูเครนได้ แต่ยูเครนเองก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ถึงแม้สถานการณ์ในยูเครนจะยากลำบาก หลายพื้นที่ไฟฟ้าเริ่มขาดแคลน แต่ประชาชนยังคงมีความหวังและออกมาเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสภายใต้แนวคิดที่ว่า รัสเซียจะไม่มีทางพรากเทศกาลและความสุขไปจากชาวยูเครนได้

ทำให้เมื่อวานนี้เราได้เห็นภาพการเฉลิมฉลองคริสต์มาสในหลายพื้นที่ของยูเครนท่ามกลางภาวะสงคราม

เริ่มต้นที่กรุงเคียฟเมืองหลวงของยูเครน ภาพงานเฉลิมฉลองคริสต์มาสภายในสถานีรถไฟฟ้าในกรุงเคียฟ โดยประชาชนได้จับกลุ่มกันร้องเพลงประจำเทศกาลคริสต์มาส ในขณะที่ด้านบนของสถานีมีเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังเป็นระยะ ๆ

นอกจากที่กรุงเคียฟเมืองหลวงของยูเครนแล้ว ประชาชนและโบสถ์ในภูมิภาคอื่นๆ ของยูเครนก็ได้จัดงานเฉลิมฉลองเช่นกัน

ภาพที่เห็นอยู่นี้ คือบรรยากาศการเฉลิมฉลองคริสต์มาสที่แคว้นคาร์คีฟ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน

ประชาชนรวมถึงบรรดาทหารยูเครนได้ไปรวมตัวกันที่โบสถ์เมื่อวานนี้ เพื่อทำพิธีทางศาสนา ซึ่งโดยปกติแล้วชาวยูเครนที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายออธอร์ดอกซ์ จะฉลองเทศกาลคริสต์มาสในวันที่ 7 มกราคม แต่ด้วยปัจจัยของสงคราม ทำให้ประชาชนตัดสินใจเฉลิมฉลองคริสต์มาสตามปฏิทินเกรกอเรียนเมื่อวานนี้

โดยทหารบางคนบอกว่าอยากกลับไปเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขนี้กับครอบครัวแต่ด้วยสถานการณ์จึงทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

อย่างไรก็ดี บางครอบครัวได้ตัดสินในแก้ปัญหานี้ด้วยการเฉลิมฉลองคริสต์มาสผ่านวิดีโอคอลไปหาสามี ซึ่งเป็นทหารประจำอยู่ที่แนวหน้าในสนามรบแทน

หญิงรายนี้คือ มารีนา ซาคาโลวา เธออาศัยอยู่ในแคว้นคาร์คีฟและฉลองคริสต์มาสกับพ่อของเธอ ซึ่งเป็นกองกำลังอาสาที่ไปออกรบ ผ่านระบบวิดีโอคอล

ขณะเดียวกัน บริเวณชายแดนของแคว้นคาร์คีฟ อนุศาสนาจารย์ทหารและนักดนตรีได้นำบรรยากาศของเทศกาลคริสต์มาส ไปยังแนวรบบริเวณชายแดน โดยมีการเทศนาสั่งสอน ทำพิธีตามหลักศาสนา ตลอดจนเล่นดนตรีและแสดงละคร เพื่อสร้างความบันเทิงและขวัญกำลังใจให้แก่ทหาร

 ถัดลงมาทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน อย่างเมืองมาริอูปอลในแคว้นซาโปริซเซีย หากจำกันได้ เมืองแห่งนี้เคยเป็นสมรภูมิรบที่สำคัญของทั้งสองฝ่ายตั้งแต่เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา กองทัพรัสเซียได้โจมตีที่อย่างหนักด้วยกลยุทธ์ผลาญภพ จนเมืองแห่งนี้ถูกทำลายจนแทบไม่สามารถอยู่อาศัยได้

ผ่านไปเกือบ 7 เดือน เมืองนี้ยังอยู่ภายใต้การปกครองของรัสเซีย แต่ก็ค่อยๆ ได้รับการฟื้นฟู จนประชาชนเริ่มกลับมาอยู่อาศัยและเริ่มมีการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส  ด้วยการประดับต้นคริสต์มาสไว้กลางเมือง

อย่างไรก็ดี ประชาชนบอกว่า พวกเขาชอบวันคริสต์มาส แต่ก็ต้องยอมรับแบบตรงๆ ว่ายังเสียใจและสะเทือนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ แม้จะแค่เดินผ่านรอบๆ เมืองก็ทำให้รู้สึกเสียใจได้ แต่ก็ยังหวังว่าจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นในอนาคต

Bottom-PL-HLW Bottom-PL-HLW

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ