กองทัพเกาหลีใต้ตอบโต้ด้วยการส่งโดรน เครื่องบินรบไอพ่นและเฮลิคอปเตอร์จู่โจมเข้าไปสกัดโดรนจากเกาหลีเหนือทันที แต่ก็มีข้อจำกัดเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ชุมชน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ล่าสุดวันนี้ ผู้นำเกาหลีใต้ออกมาประกาศตั้งหน่วยรบพิเศษเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากโดรนเกาหลีเหนือโดยเฉพาะ
การส่งโดรนข้ามฝั่งมาที่เกาหลีใต้เกิดขึ้นเพียง 1 วันก่อนที่ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน จะปรากฎตัวในการประชุมใหญ่ของพรรคแรงงานเกาหลีทิ้งท้ายปี 2022
เกาหลีใต้ลั่นเสริมหน่วยโดรน สกัดเกาหลีเหนือรุกล้ำน่านฟ้า
“คิม จูแอ” ปรากฏตัวรอบสอง สื่อโสมแดงระบุ “ลูกสุดที่รักของผู้นำคิม”
สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ หรือ KCNA เปิดเผยภาพของคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ขณะเข้าร่วมการประชุมใหญ่ครั้งที่ 6 ของคณะกรรมการพรรคแรงงานเกาหลี
พรรคแรงงานเกาหลีก่อตั้งหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นพรรคการเมืองเดียวที่กุมอำนาจการบริหารประเทศมาต่อเนื่องยาวนานกว่า 77 ปี ปัจจุบัน คิม จองอึน ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจสูงสุด
วาระที่สำคัญของการประชุมใหญ่ของพรรคในคราวนี้คือ การทบทวนนโยบายของปี 2022 ที่กำลังจะหมดไป และการวางนโยบายและทิศทางของประเทศในปีหน้า
KCNA รายงานว่า ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือได้นำเสนอรายงานต่อที่ประชุมว่า ในปี 2022 เกาหลีเหนือภายใต้การนำของเขามีอำนาจเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญในทุกๆด้าน ทั้งทางการเมือง การทหาร เศรษฐกิจและวัฒนธรรม โดยความสำเร็จนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการต่อสู้ที่ยากลำบากและดุเดือด
ส่วนเป้าหมายการพัฒนาประเทศในปีหน้า คิม จองอึน ประกาศว่า จะให้ความสำคัญในการพัฒนาสินค้าอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเหล็ก เคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์ไฟฟ้า รวมถึงการพัฒนาสินค้าด้านการเกษตรเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนด้วย
แนวทางที่ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือประกาศในวันนี้ ถือเป็นความต่อเนื่องหลังจากเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ที่เขาได้ปรับแผนพัฒนาประเทศครั้งใหญ่ในช่วงของการเฉลิมฉลองครบรอบ 76 ปีของการก่อตั้งพรรคแรงงาน
โดยในคราวนั้น คิม จองอึน ระบุว่า แผนพัฒนาเดิมที่ใช้อยู่ไม่ประสบผลสำเร็จ จำเป็นต้องมีการนำแผนพัฒนาใหม่ขึ้นมา โดยแผนนี้จะเป็นแผน 5 ปีที่จะมุ่งแก้ปัญหาความยากจนและการขาดแคลนปัจจัย 4 ของประชาชนเป็นหลัก
นักวิเคราะห์มองว่า การประกาศแนวทางพัฒนาประเทศเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่า คิม จองอึน กำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก หลังจากเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือซบเซาอันเนื่องมาจากการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่ยาวนานของสหรัฐฯและชาติตะวันตก
เป็นที่น่าสังเกตุว่าในการประชุมวันแรก ผู้นำเกาหลีเหนือไม่ได้พูดถึงเรื่องแผนพัฒนาอาวุธ รวมถึงความคืบหน้าการพัฒนาศักยภาพด้านนิวเคลียร์เหมือนกับการประชุมครั้งที่ผ่านๆมา
KCNA รายงานด้วยว่า หลังการรายงานผลงาน ที่ประชุมพรรคแรงงานได้มีการอนุมัติวาระใหญ่ 5 ประการที่ผู้นำสูงสุดเสนอมา ซึ่งรวมถึงกรอบนโยบายงบประมาณประเทศสำหรับปีหน้าด้วย
การประชุมใหญ่พรรคแรงงานและการปรากฎตัวของผู้นำสูงสุดคิม จองอึน เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวานนี้ เกาหลีเหนือได้ส่งโดรนขนาดเล็กหลายลำข้ามน่านฟ้าเกาหลีใต้ และมีบางลำที่บินเฉียดเขตชุมชนในกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ ซึ่งนี่ถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความกังวลให้กับหลายฝ่าย
หลังเกิดเหตุการณ์ คณะเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ ออกมาแถลงข่าวระบุว่า ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินรบเข้าขับไล่โดรนที่ทางเกาหลีเหนือส่งข้ามแดนเข้ามา ซึ่งมีทั้งหมด 5 ลำ โดยทั้งหมดเป็นโดรนขนาดเล็ก มีความยาวปีกประมาณ 2 เมตร และไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามีการติดตั้งอาวุธ มากับโดรนด้วยหรือไม่
โดยโดรนฝูงดังกล่าวรละเมิดเส้นกำหนดเขตทางทหาร หรือ MDL ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างเกาหลีเหนือและใต้ เข้ามาถึงเมืองกิมโป เมืองท่าริมชายฝั่งทางตะวันตกของเกาหลีใต้ และรุกล้ำพื้นที่บางเขตของกรุงโซล
หลังจากตรวจจับความเคลื่อนไหวได้ กองทัพเกาหลีใต้ส่งโดรนขึ้นไปสกัดทันที ก่อนจะส่งเครื่องบินรบไอพ่นและเฮลิคอปเตอร์จู่โจมตามไปเพื่อติดตามโดรนดังกล่าวที่บินหนีไปบริเวณเส้น MDL
มีรายงานว่า ช่วงที่โดรนเกาหลีเหนือบินข้ามชายแดนเข้ามา เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ได้พยายามระดมยิงกระสุนปืนมากกว่า 100 นัดเพื่อสกัดก แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากพื้นที่ที่โดรนบินผ่านเป็นพื้นที่ชุมชน จึงมีข้อจำกัดและความยากลำบากในการปฏิบัติการตอบโต้
หลังจากนั้น กองทัพเกาหลีใต้จึงได้ส่งโดรนและเครื่องบินรบ รวมถึงเฮลิคอปเตอร์ขึ้นท้องฟ้าเพื่อสกัดโดรนเกาหลีเหนือ โดยปฏิบัติการทั้งหมดใช้เวลายาวนานกว่า 5 ชั่วโมง ก่อนที่โดรน 1 ลำจะบินกลับเข้าไปในเขตเกาหลีเหนือ ส่วนอีก 4 ลำหายไปจากจอเรดาร์ของเกาหลีใต้
ในระหว่างการปฏิบัติการ กระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ต้องประกาศระงับเที่ยวบินขาออกจากท่าอากาศยานอินชอนและท่าอากาศยานกิมโปเป็นการชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกาหลีเหนือส่งโดรนหรืออากาศยานไร้คนขับเข้าน่านฟ้าของเกาหลีใต้ เพราะนับตั้งแต่ปี 2014 เกาหลีเหนือมีการส่งโดรนขนาดเล็กเข้ามาที่ฝั่งเกาหลีใต้รวมแล้ว 4 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายที่ส่งเข้ามาคือเมื่อปี 2017 หรือ 5 ปีที่แล้ว
ในคราวนั้นมีโดรนติดกล้องลำหนึ่งลอบเข้าไปถ่ายรูประบบต่อต้านขีปนาวุธของเกาหลีใต้ ก่อนจะถูกยิงตกขณะที่กำลังจะบินกลับเข้าไปในฝั่งเกาหลีเหนือ
ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ( 27 ธ.ค.) ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุน ซอกยอล ออกมาแถลงข่าวประณามการกระทำของเกาหลีเหนือ โดยระบุว่า นี่คือการยั่วยุอย่างชัดเจน และเกาหลีใต้ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามนี้ด้วยการเร่งตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษของกองทัพที่มีความเชี่ยวชาญในด้านภัยคุกคามจากโดรนให้เร็วที่สุด
การออกมาประกาศตั้งหน่วยโดรนของผู้นำเกาหลีใต้ เกิดขึ้นหลังจากมีการตั้งคำถามถึงขีดความสามารถของกองทัพเกาหลีใต้ว่ามีเพียงพอหรือไม่ในการรับมือหรือหยุดยั้งโดรนจากเกาหลีเหนือ หลังเมื่อวานนี้กองทัพต้องใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมงในการจัดการกับโดรนจากผู้รุกราน
สำหรับชาวเกาหลีใต้ โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ในกรุงโซลเมืองหลวง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานอาจเป็นครั้งแรกที่ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือเข้ามาใกล้ตัวพวกเขามากที่สุด เพราะถึงแม้กรุงโซลจะห่างจากเขตปลอดทหารหรือ DMZ ซึ่งถือเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เพียง 74 กิโลเมตร แต่ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นมาก่อน
หลายคนบอกว่า พวกเขาค่อนข้างกังวล เพราะรัฐบาลเกาหลีใต้ไม่มีหลักประกันว่าในอนาคต โดรนที่เกาหลีเหนือส่งเข้ามาจะไม่มีระเบิดหรือขีปนาวุธติดมาด้วย ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของสงคราม ขณะที่บางคนบอกว่า รู้สึกไม่สบายใจที่กองทัพเกาหลีใต้ดูเหมือนไม่มีศักยภาพพอในการรับมือกับเหตุการณ์ลักษณะนี้
ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา คัง ชินชอล เจ้าหน้าที่อาวุโสของกองทัพเกาหลีใต้ออกมาแถลงขอโทษประชาชนต่อความล้มเหลวในการปกป้องคุ้มครองอธิปไตยของชาติ และทำให้ประชาชนตกอยู่ในความตื่นตระหนกจากภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่มาจากเกาหลีเหนือครั้งนี้