เมื่อวานนี้ (26 ธ.ค.) โดรนของเกาหลีเหนือจำนวน 5 ลำ ได้บินข้ามพรมแดนเข้ามาในเกาหลีใต้ ใกล้ชายฝั่งทางตะวันตก ทำให้กองทัพเกาหลีใต้ต้องยิงปืนเตือน พร้อมกับส่งเครื่องบินรบ และเฮลิคอปเตอร์จู่โจมเข้าสกัด โดยยิงปืนกลใส่ร่วมร้อยนัด แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ โดยมีรายงานว่า โดรนเกาหลีเหนือได้บินอยู่เหนือหลายเมืองของเกาหลีใต้ ซึ่งรวมถึงกรุงโซล เมืองหลวง เป็นเวลาประมาณ 5 ชั่วโมง
ระอุ! เกาหลีใต้ส่งฝูงบินขึ้นฟ้า พบเครื่องบินรบโสมแดงใกล้ชายแดน 180 ลำ
ยูเครนเผย รัสเซียวางแผนแบ่งยูเครนเป็น 2 ส่วน ให้เหมือนเกาหลีเหนือ-ใต้
หลังจากนั้น กองทัพเกาหลีใต้ได้ส่งเครื่องบินตรวจการณ์ทั้งที่มีคนขับและไร้คนขับข้ามไปยังฝั่งเกาหลีเหนือ เพื่อเป็นการตอบโต้ ซึ่งเป็นไปตามแผนตอบโต้พฤติกรรมยั่วยุของเกาหลีเหนือด้วยการกระทำแบบเดียวกัน
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดคำถามใหญ่ถึงระบบป้องกันทางอากาศของเกาหลีใต้ ท่ามกลางช่วงเวลาที่ตึงเครียด หลังเกาหลีเหนือระดมทดสอบขีปนาวุธมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้
เหตุการณ์นี้ถือเป็นครั้งแรกที่โดรนของเกาหลีเหนือเข้ามาในน่านฟ้าของเกาหลีใต้ นับตั้งแต่ปี 2017 โดยครั้งนั้น มีการพบโดรนที่สงสัยว่าเป็นของเกาหลีเหนือตกในเกาหลีใต้ ขณะที่เจ้าหน้าที่กองทัพเกาหลีใต้ระบุว่า โดรนลำดังกล่าวถูกส่งมาถ่ายภาพระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้
เกาหลีเหนือเคยอวดอ้างโครงการอากาศยานไร้คนขับของตัวเอง ขณะที่เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีเหนือมีโดรนอยู่ประมาณ 300 ลำ
ในปี 2014 มีการพบโดรนที่สงสัยว่าเป็นของเกาหลีเหนือหลายลำทางใต้ของชายแดน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า โดรนดังกล่าวแม้จะมีเทคโนโลยีต่ำ แต่อาจมองว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงได้
เหตุการณ์ส่งโดรนรุกล้ำเขตแดนโต้ตอบกันของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ล่าสุดนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่เกาหลีเหนือกำลังมีการประชุมสำคัญของพรรคแรงงาน เพื่อทบทวนการดำเนินนโยบายที่สำคัญและการใช้งบประมาณที่ในปีที่ผ่านมา รวมถึงอนุมัติแผนงานและร่างงบประมาณสำหรับปีหน้า
ซึ่งผู้นำเกาหลีเหนือมักจะใช้โอกาสนี้ประกาศนโยบายสำคัญเนื่องในวันปีใหม่ โดยนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ซึ่งเดินทางมาเป็นประธานเปิดการประชุมเมื่อวานนี้ (26 ม.ค.) โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความพยายามมากขึ้น เพื่อก้าวข้ามความยากลำบากและความท้าทายที่ประเทศกำลังเผชิญ
ภาพประกอบจาก AFP