ภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอาคารที่พักอาศัยของประชาชนในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน หลังจากที่ขีปนาวุธของรัสเซียถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนสกัดไว้ได้และตกลงมา
ผลของการโจมตีสกัดโดรนทำให้อาคารบ้านเรือนของประชาชนเสียหายทั้งหลัง จนเจ้าหน้าที่ของทางการต้องรีบเข้ามาเก็บกู้ซากปรักหักพังและตรวจสอบผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ แต่ชาวกรุงเคียฟ มองว่า การโจมตีของรัสเซียในครั้งนี้ เป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
เปิดประวัติ "สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย" ดีกรีไม่ธรรมดา
เร่งหาคนหาย ไฟไหม้คาสิโนปอยเปต จนท.เริ่มรื้อถอนตัวอาคาร
ขณะที่วิตาลี คลิตเชนโก นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟกล่าวว่า รัสเซียได้ใช้ขีปนาวุธโจมตีกรุงเคียฟถึง 16 ลูก แต่ด้วยระบบป้องกันภัยทางอากาศที่บรรดาชาติพันธมิตรส่งมาให้เครน ทำให้ขีปนาวุธเหล่านั้นโดนยิงสกัดตกจนหมดและไม่สร้างความเสียหายที่รุนแรง
นอกจากนี้ นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟยังได้พูดถึงเหตุผลในการโจมตีของรัสเซียว่า รัสเซียต้องการทำให้ชาวยูเครนจิตตกในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ แต่ชาวยูเครนจะไม่มีวันยอมแพ้
นอกจากที่กรุงเคียฟแล้ว อีกพื้นที่หนึ่งที่ได้รับความเสียหายคือ แคว้นซาโปริซเซีย โอเล็กซานเดอร์ สตารุค ผู้ว่าการแคว้นซาโปริซเซียรายงานว่า ขีปนาวุธที่รัสเซียโจมตีเข้ามาได้พุ่งตรงเข้าทำลายบ้านเรือนของประชาชนถึง 3 หลังในคราวเดียว
อย่าไรก็ดี ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ นอกจากจะสร้างความเสียหาย ให้กับบ้านเรือนของประชาชนแล้ว การโจมตีของรัสเซียที่เกิดขึ้นในรอบนี้ยังสร้างความเสียหายให้กับระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านพลังงาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมากทั่วยูเครน
เมื่อวานนี้ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้ออกแถลงรายงานสถานการณ์ประจำวันโดยระบุว่า หลังจากที่รัสเซียโจมตียูเครนด้วยขีปนาวุธ ส่งผลให้เกิดไฟดับในหลายพื้นที่เกือบทั่วยูเครน
ขณะเดียวกัน ผู้นำยูเครนก็ได้พูดถึงสถานการณ์ในสนามรบด้วยเช่นกัน โดยเขาระบุว่า ตอนนี้สถานการณ์การปะทะกันของทั้งสองฝ่ายยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ทั้งสองฝ่ายยังคงต่อสู้และปะทะกันอย่างหนักอยู่บริเวณตลอดแนวของภูมิภาคดอนบาส โดยเฉพาะที่เมืองบัคมุตลแะโซเลียดาร์
นอกจากการสู้รบ ในแคว้นโดเนตสก์ อีกพื้นที่สำคัญที่มีการต่อสู้คือ เมืองเครมินา ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สำหรับการสู้รบที่เมืองนี้ ทหารของยูเครนระบุว่า การสู้รบในแนวหน้ายังเป็นไปแบบเรื่อยๆ แต่ทางฝั่งยูเครนยังไม่สามารถผลักรัสเซียออกจากพื้นที่ดังกล่าวได้ เนื่องจากกองทัพรัสเซียตรึงกำลังไว้อย่างหนาแน่น
ทหารยูเครนระบุเพิ่มเติมว่า ยูเครนต้องการผลักทหารรัสเซียออกไปจากเมืองแห่งนี้ให้ได้ เนื่องจากเมืองเครมินนาเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญอีกจุดหนึ่ง เพราะเป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธและเสบียงของฝั่งรัสเซียไปยังเมืองสำคัญต่าง ๆ เช่น ซีเวโรโดเนตสก์หรือลิซีแชนสก์
นอกจากประเด็นการโจมตีของรัสเซียด้วยขีปนาวุธและการสู้รบในสมรภูมิต่างๆ แล้ว เมื่อวานนี้มีอีกหนึ่งประเด็นร้อนเกิดขึ้นคือ การที่เบลารุสออกแถลงว่าพบขีปนาวุธของยูเครนไปตกในแผ่นดินของเบลารุส
จึงทำให้หลายฝ่ายเป็นกังวลว่าสงครามในครั้งนี้ จะลุกลามบานปลายออกไปนอกยูเครน
เมื่อวานนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า กระทรวงกลาโหมเบลารุสออกมาเปิดเผยว่า เมื่อเวลา 10 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น หน่วยงานได้ยิงสกัดขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานรุ่น S-300 ที่พุ่งเข้ามายังพื้นที่ชายแดนของแคว้นเบรสต์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ
โดยกระทรวงกลาโหมของเบลารุสรายงานว่ากำลังสอบสวนเรื่องดังกล่าวอยู่ พร้อมแสดงความกังวลถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่ไม่ต่างจากที่เคยเกิดขึ้นกับโปแลนด์เมื่อช่วงกลางเดือนที่แล้ว และถือเป็นครั้งแรกที่มีอาวุธมาตกในดินแดนเบลารุส
นอกจากนี้ สำนักข่าวอัลจาซีรารายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศของเบลารุสได้เชิญเอกอัครทูตยูเครนประจำเบลารุส เข้าไปชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมกับขอร้องให้ทางยูเครนตรวจสอบเรื่องนี้โดยละเอียดและลงโทษผู้ที่กระทำผิด
ทร.ชี้แจง ยังไม่เจอร่างต้นเรือพลับ ตามที่สื่อรายงาน
รู้จัก “กระต่าย” ต้อนรับ “ปีเถาะ 2566”