ดัชนีพาสปอร์ตเฮนลีย์ (Henley Passport Index) จัดอันดับพาสปอร์ตที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกประจำปี 2023 โดยพิจารณาจากจุดหมายปลายทางที่ผู้ถือพาสปอร์ตสามารถเดินทางไปได้โดยไม่ต้องวีซ่า (Visa Free) หรือขอรับการตรวจลงตราที่ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival)
ตำแหน่งแชมป์พาสปอร์ตทรงอิทธิพลในปีนี้ ยังคงเป็น “ญี่ปุ่น” ที่ครองตำแหน่งนี้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โดยจาก 227 ประเทศ/พื้นที่ทั่วโลก ผู้ถือพาสปอร์ตญี่ปุ่นสามารถเดินทางไปยังปลายทางโดยไม่ต้องขอวีซ่าได้ถึง 193 ประเทศ/พื้นที่
จีนเอาคืน! สั่งระงับวีซ่านักท่องเที่ยวเกาหลีใต้
ปริศนาคลี่คลาย! ทำไมสถาปัตยกรรมโรมันไม่ผุพัง แม้ผ่านมานาน 2,000 ปี?
ไทยติด Top 5 จุดหมายท่องเที่ยวชาวจีนหลังเปิดประเทศ
รองลงมาในอันดับที่ 2 เป็นพาสปอร์ตสิงคโปร์และเกาหลีใต้ เดินทางไปได้แบบฟรีวีซ่า 192 ประเทศ ส่วนอันดับ 3 คือเยอรมนีและสเปน 190 ประเทศ
ขณะที่อดีตแชมป์เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วอย่างสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ ปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 6 และ 7 ตามลำดับ สามารถเดินทางสู่จุดหมายได้ 187 และ 186 ประเทศตามลำดับ
ส่วนพาสปอร์ตที่ทรงอิทธิพลน้อยที่สุดในโลก เป็นของ “อัฟกานิสถาน” ผู้ถือสามารถเดินทางไปยังประเทศ/พื้นที่ต่าง ๆ โดยไม่ต้องขอวีซ่าได้เพียง 27 แห่งเท่านั้น น้อยกว่าอันดับ 1 อย่างญี่ปุ่นถึง 166 แห่ง หรือ 7 เท่า!
นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการจัดทำดัชนีพาสปอร์ตเฮนลีย์ขึ้นมาเมื่อ 18 ปีก่อนที่อันดับ 1 และอันดับสุดท้ายของดัชนีมีความต่างกันมากถึงขนาดนี้
ดร.คริสเตียน เอช. เคลิน ประธานเฮนลีย์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ส หน่วยงานผู้จัดทำดัชนี กล่าวว่า การเดินทางโดยไม่ต้องขอวีซ่ากับการเข้าถึงเศรษฐกิจโลกเป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวพันกันอย่างยิ่ง โดยมีงานวิจัยล่าสุดที่เผยให้เห็นว่า อำนาจหรืออิทธิพลของพาสปอร์ตมีความหมายอย่างไรต่อการเงินที่เป็นรูปธรรม
“สำหรับพลเมืองโลก วิธีการวัดความคล่องตัวทางเศรษฐกิจและโอกาสทางการเงินอันเป็นผลมาจากพาสปอร์ตก็คือ การดูสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ของจีดีพีโลกของประเทศที่พวกเขาสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า” เคลินกล่าว
ผลการศึกษาใหม่ล่าสุดจากเฮนลีย์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ส เผยให้เห็นว่า มีพาสปอร์ตเพียง 6% ทั่วโลกเท่านั้น ที่ทำให้ผู้ถือเข้าถึงประเทศที่มีจีดีพีคิดเป็น 70% ของเศรษฐกิจโลกได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า และมีพาสปอร์ตเพียง 17% ที่ทำให้ผู้ถือเดินทางสู่จุดหมายได้เกิน 4 ใน 5 ของจุดหมายทั่วโลกได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า
ผู้ถือพาสปอร์ตของญี่ปุ่นสามารถเดินทางไปยัง 85% ของประเทศ/พื้นที่ทั่วโลกโดยไม่ต้องขอวีซ่า และประเทศเหล่านี้มีจีดีพีคิดเป็น 98% ของจีดีพีเศรษฐกิจโลก (ใน 98% นี้มีสัดส่วนที่เป็นจีดีพีของญี่ปุ่นด้วย อยู่ที่ราว 5%)
ในทางกลับกัน พาสปอร์ตของอัฟกานิสถานซึ่งอยู่อันดับรั้งท้าย ทำให้พลเมืองเข้าถึงจุดหมายโดยไม่ต้องขอวีซ่าได้เพียง 12% ของประเทศ/พื้นที่โลก และจุดหมายเหล่านี้มีสัดส่วนในจีดีพีโลกน้อยกว่า 1%
การที่พาสปอร์ตสามารถทำให้ผู้ถือเดินทางไปยังประเทศที่มีสัดส่วนสำคัญในจีดีพีโลกนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะประเทศเหล่านั้นมักมีเศรษฐกิจที่เสถียร จึงถือเป็นการลดความเสี่ยงเฉพาะของประเทศหรือเขตอำนาจศาลสำหรับบรรดานักลงทุนที่ถือพาสปอร์ตที่มีอิทธิพล
ดร.อารีฟ สุเลมาน ผู้อำนวยการฝ่ายการวิจัยเศรษฐกิจและสถิติ สถาบันธนาคารเพื่อการพัฒนาอิสลาม (Islamic Development Bank Institute) กล่าวว่า “โดยทั่วไปแล้ว การเข้าถึงผลผลิตทางเศรษฐกิจทั่วโลกได้มากขึ้นนับเป็นข้อได้เปรียบ เนื่องจากเป็นการช่วยขยายตะกร้าสินค้าที่แต่ละบุคคลสามารถเข้าถึงได้ แม้ว่าสิ่งนี้จะสามารถทำได้ด้วยการค้าระหว่างประเทศ แต่การเดินทางไปเข้าถึงตลาดด้วยตัวเองนั้นดีกว่ามาก”
ในแง่สัดส่วนเปอร์เซ็นต์ของจีดีพีโลก สหรัฐอเมริกาและจีนมีส่วนแบ่งมากที่สุดที่ 25% และ 19% ตามลำดับ แต่ผู้ถือพาสปอร์ตของอเมริกาเข้าถึงได้อีก 43% ของผลผลิตทางเศรษฐกิจทั่วโลกโดยไม่ต้องขอวีซ่า ทำให้มีสัดส่วนโดยรวมคิดเป็น 68% ขณะที่ผู้ถือพาสปอร์ตจีนเข้าถึงได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าเพิ่มอีกเพียง 7% ทำให้มีสัดส่วนโดยรวมคิดเป็นเพียง 26% ของจีดีพีโลก
ด้าน ศาสตราจารย์ เทรเวอร์ วิลเลียมส์ อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของลอยด์ส แบงก์ คอมเมอร์เชียล แบงกิ้ง ระบุว่า งานวิจัยของเฮนลีย์ฯ พิสูจน์ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่เป็นเหตุเป็นผลระหว่างความสามารถในการเดินทาง กับการลงทุนจากต่างประเทศในประเทศใดประเทศหนึ่ง การค้าที่เพิ่มขึ้น และการเติบโตทางเศรษฐกิจ
“ความเชื่อมโยงเหล่านี้ช่วยหนุนซึ่งกันและกัน ผู้ที่มีทักษะและความสามารถจะสามารถไปในที่ที่ทำงาน ลงทุน และท่องเที่ยวได้ง่าย ซึ่งดึงดูดให้ผู้อื่นต้องการทำเช่นเดียวกันและสร้างวงจรที่ดีขึ้นมา” เขากล่าว
เรียบเรียงจาก Henley Passport Index
ภาพจาก Getty Image