เอดาร์ พูนาวัลลา ซีอีโอของสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในการประชุม “World Economic” ที่จัดขึ้นที่ดาวอส สวิสเซอร์แลนด์ว่า จีนจำเป็นต้องวางการเมืองลง และหันไปนำเข้าวัคซีนโควิด-19 เพื่อยุติการระบาดได้แล้ว
โดยจีนจำเป็นต้องเปิดกว้างต่อระบบสาธารณสุขและวัคซีนจากชาติตะวันตก ซึ่งจากการรับมือของทางการจีนในปี 2020 ทั้งการสร้างโรงพยาบาล โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และการใช้มาตรการป้องปรามต่างๆ แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลจีนก็สามารถรับมือต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
ชาวจีนเริ่มเดินทางช่วงตรุษจีน แม้โควิด-19 ยังน่าเป็นห่วง
สภาพอากาศวันนี้! อุตุฯประกาศ ฉ.8 ตอนบนเย็น ยอดดอยหนาว 5 องศา ส่วนใต้ตลื่นลมแรง
ทั้งนี้ จีนเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ หลังทางการยุติการใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ โดยขณะนี้อัตราการฉีดวัคซีนครบโดสในจีนอยู่ที่เกือบ 87% และมีราว 54% ที่ได้รับวัคซีนเข็มบูสเตอร์
อย่างไรก็ตามวัคซีนหลักในจีนคือ ซิโนแวค และซิโนฟาร์ม ซึ่งผลการศึกษาหลายฉบับชี้ว่า มีประสิทธิภาพน้อยกว่าวัคซีน mRNA อย่างไฟเซอร์ เมื่อเจอกับสายพันธุ์โอมิครอน
อนึ่งก่อนหน้านี้หลายฝ่ายเรียกร้องให้ทางการจีนแบ่งปันข้อมูลการระบาด เพราะเป็นกังวล โดยเฉพาะในช่วงตรุษจีนที่การระบาดอาจจะรุนแรงขึ้น
และตั้งแต่เมื่อวานนี้ ที่สถานีรถไฟในนครเซี่ยงไฮ้ มีประชาชนหลายพันคนเริ่มทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อไปฉลองตรุษจีน ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 22 มกราคมนี้แล้ว อย่างไรก็ตามแม้หลายคนจะมีความเป็นกังวล แต่ชาวจีนส่วนใหญ่ก็รู้สึกดีใจที่จะได้กลับบ้าน หลังเผชิญกับการล็อกดาวน์มานาน
ทั้งนี้ ในช่วงก่อนวันหยุดยาวที่กำลังจะมาถึง สื่อของทางการจีนรายงานว่า บรรดาโรงพยาบาลและคลินิกในชนบท หรือตามเมืองต่างๆ เริ่มเพิ่มจำนวนเวชภัณฑ์และยา เพื่อรองรับกับสถานการณ์หากจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น เมื่อประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา