ปาฏิหาริย์ยังมี! พบผู้รอดชีวิตแผ่นดินไหวตุรกีเพิ่ม ติดอยู่ใต้ซาก 8 วัน

ตัวเลขความสูญเสียยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับเหตุแผ่นดินไหวตุรกี-ซีเรีย ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 41,000 ราย นับเป็นเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของตุรกี ทำลายสถิติตัวเลขผู้เสียชีวิตเดิมของเหตุแผ่นดินไหวเมื่อปี 1939 ซึ่งครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตเกือบ 33,000 ราย

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางหายนะนี้ ยังมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอยู่ นั่นคือการค้นพบผู้รอดชีวิตเพิ่ม 7 คนเมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) ในตุรกีและซีเรีย หลังเวลาผ่านไปนานถึง 8 วันนับตั้งแต่เกิดเหตุภัยพิบัติเมื่อวันที่ 6 ก.พ.

แผ่นดินไหวตุรกี-ซีเรีย ยอดเสียชีวิตพุ่ง 41,000 คน ผู้นำตุรกี เผย รุนแรงไม่ต่างระเบิดนิวเคลียร์

ยูเอ็น ระบุ ใกล้ยุติภารกิจค้นหาผู้รอดชีวิตแผ่นดินไหวตุรกี-ซีเรีย

WHO คาดเหตุแผ่นดินไหวตุรกี 5.3 ล้านคนต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน

มีรายงานว่า หนึ่งในผู้รอดชีวิต อยู่ที่จังหวัดคาห์รามานมารัสของตุรกี เป็นวัยรุ่นชายวัย 18 ปี ชื่อ มูฮัมเหม็ด คาเฟอร์ โดยเขาได้รับการช่วยเหลือออกมาหลังมีคนสังเกตเห็นนิ้วของเขากระดิกอยู่ระหว่างซากปรักหักพัง

นอกจากนี้ ที่คาห์รามานมารัสยังพบผู้รอดชีวิตอีก 2 คน คือ มูฮัมเหม็ด เยนินาร์ วัย 17 ปี และพี่ชายคือ บากี วัย 21 ปี

ส่วนที่จังหวัดฮาไท สามารถช่วยเหลือหญิงวัย 35 ปีออกมาจากซากปรักหักพังของแฟลตแห่งหนึ่งในจังหวัดฮาไทได้สำเร็จ โดยเธอติดอยู่ในนั้นเป็นเวลากว่า 205 ชั่วโมง และยังมีเซเฮอร์ วัยรุ่นหญิงอายุ 15 ปี และชายชาวซีเรีย ฟาเอซ กานัม ที่ติดอยู่ใต้ซากนานถึง 210 ชั่วโมง ก็ได้รับการช่วยเหลือออกมา

แต่เมื่อบอกว่านี่คือปาฏิหาริย์ นั่นก็เพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก นี่เป็นเพียงไม่กี่เคสที่สามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตได้สำเร็จ และขณะนี้ ทีมค้นหาได้กำลังเตรียมยุติการดำเนินการค้นหา เนื่องจากอุณหภูมิที่ลดลงต่ำกว่าศูนย์ ทำให้โอกาสที่จะพบผู้รอดชีวิตอีกเหลืออยู่เพียงน้อยนิด และความช่วยเหลือส่วนใหญ่จะเปลี่ยนไปโฟกัสที่ที่พักและอาหารแทน

ยิลมาซ เอย์ดิน แพทย์ประจำโรงพยาบาลสนามแห่งหนึ่งในเมืองอันทาเคีย ประเทศตุรกี บอกว่า “มันคือปาฏิหาริย์ที่จะพบผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่” และ “ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือมาแล้วอยู่ในสภาพวิกฤต ส่วนใหญ่จะต้องได้รับการรักษาช่วยชีวิต”

ทั่วพื้นที่ทางตอนใต้ของตุรกี เมืองทั้งเมืองกลายเป็นเมืองร้างหลังจากประชาชนส่วนใหญ่ต้องหลบหนีออกมา ในเมืองอันทาเคีย ถนนทั้งเส้นที่เคยมีบ้านหินโบราณ มัสยิด โบสถ์ และสุเหร่า หลงเหลือแต่กองซากปรักหักพัง และชาวเมืองเพียงไม่กี่คนที่ยังคงอยู่ในเมืองเพื่อปกป้องบ้านที่เหลืออยู่ไม่ให้ถูกฉวยโอกาสมีใครมาปล้นทรัพย์สินไป

ด้าน ฮานส์ คลูเกอ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำภูมิภาคยุโรป กล่าวว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เลวร้ายที่สุดในภูมิภาคนี้ในรอบศตวรรษทำให้มีประชาชนกว่า 26 ล้านคนใน 2 ประเทศต้องการความช่วยเหลือ และการฟื้นตัวต้องใช้ความพยายามอย่างมาก

คลูเกอกล่าวว่า เที่ยวบินเช่าเหมาลำ 3 ลำพร้อมชุดอุปกรณ์การแพทย์ฉุกเฉินถูกส่งไปยังซีเรียและตุรกีแล้ว ซึ่งเพียงพอสำหรับการรักษาคน 400,000 คน และมีการส่งทีมแพทย์ 22 ทีม 19 ประเทศไปช่วยบรรเทาสถานการณ์ด้วย

“มีความกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้น ซึ่งเชื่อมโยงกับสภาพอากาศหนาวเย็น สุขอนามัย และการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความเสี่ยง” เขากล่าว

ในประเทศตุรกีขณะนี้ ประชาชนประมาณ 1 ล้านคนต้องอาศัยอยู่ในเต็นท์และที่พักพิงชั่วคราว ขณะที่มีประชาชนอย่างน้อย 80,000 คนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ขณะที่ในซีเรียประชาชนมากถึง 5 ล้านคนอาจไร้ที่อยู่อาศัย

 

เรียบเรียงจาก The Guardian

ภาพจาก AFP