แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเที่ยงคืนวันจันทร์ ตามเวลาประเทศไทย วัดขนาดความรุนแรงได้ 6.4 จุดโดยศูนย์กลางอยู่ที่เมืองอันตาเกีย (Antakya) ในจังหวัดฮาไทย์ (Hatay) ทางตอนใต้ของตุรกี ลึกลงไปใต้ดิน 10 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ถึงซีเรีย อียิปต์ และเลบานอน
แรงสั่นสะเทือนยังทำให้อาคารพังถล่มลงมาเพิ่มเติมอีกหลายสิบแห่ง แต่ประชาชนส่วนใหญ่อพยพออกจากพื้นที่ตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวใหญ่เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทีมกู้ภัยตุรกีได้ค้นหาตามใต้ซากปรักหักพังในจังหวัดฮาไทย์ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด โดยล่าสุด พบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน ขณะที่มีผู้บาดเจ็บอีก 294 คน
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ภาษาตุรกี รายงานว่า ประชาชนบางส่วนกลับเข้าไปในอาคารที่ได้รับความเสียหายอยู่แล้ว เพื่อเก็บข้าวของของตัวเอง และติดอยู่ในนั้น หลังเกิดแผ่นดินไหวระลอกใหม่
ทั้งนี้ สำนักงานจัดการเหตุฉุกเฉินและภัยพิบัติของตุรกี ระบุว่า นับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ มีการตรวจพบอาฟเตอร์ช็อกแล้วมากกว่า 6,000 ครั้ง
ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวใหญ่ทั้งในตุรกีและซีเรีย เพิ่มเป็นกว่า 47,000 คนแล้ว และอีกหลายหมื่นคนกลายเป็นคนไร้บ้าน ขณะที่ในจำนวนผู้รอดชีวิต มีอย่างน้อย 356,000 คน เป็นหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งต้องการความช่วยเหลือด้านสุขภาพโดยด่วน โดยมีประมาณ 38,800 คน ที่มีกำหนดคลอดในเดือนหน้า
ส่วนความคืบหน้าของทารกแรกเกิดในซีเรียที่รอดชีวิตและได้รับการช่วยเหลือจากใต้ซากอาคาร โดยที่ยังมีสายสะดือติดอยู่กับร่างของแม่ที่เสียชีวิต
ล่าสุด ทารกหญิงได้อยู่ในความอุปการะของลุงและป้าอย่างเป็นทางการแล้ว หลังใช้เวลาเกือบสองสัปดาห์จัดการเรื่องเอกสาร และตรวจดีเอ็นเอเพื่อให้แน่ใจว่า ผู้เป็นป้ามีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดจริงๆ โดยลุงและป้าได้ตั้งชื่อใหม่ให้ทารกน้อยจากตอนแรกที่เจ้าหน้าที่ตั้งให้ว่า “อาย่า” ซึ่งแปลว่า “ปาฏิหาริย์” เป็นชื่อ “อาฟรา” ตามชื่อแม่ของเธอ
ก่อนหน้านี้ ผู้คนจำนวนมากได้ติดต่อทางโรงพยาบาลว่าสนใจให้ความช่วยเหลือ และอาสารับอุปการะทารกน้อยคนนี้ บางคนถึงกับเดินทางมาที่โรงพยาบาล โดยอ้างว่าเป็นญาติ แม้ว่าจะคนละนามสกุลกัน
ด้วยความเป็นห่วงว่าทารกน้อยจะถูกลักพาตัว จึงมีการขอกำลังตำรวจมาช่วยดูแลความปลอดภัย ขณะที่ลุงของเธอก็มาเยี่ยมที่โรงพยาบาลตลอด
คาลิล อัล ซาวาดี ผู้เป็นลุง มีอาชีพซื้อขายรถ โดยบ้านที่เขาอยู่กับภรรยาและลูกๆ ก็ถูกทำลายจากแผ่นดินไหวเช่นกัน แต่แม้ว่าสถานการณ์จะยากลำบาก เขาก็เชื่อว่า การที่อาฟราอยู่กับพวกเขาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
นายอัล ซาวาดี บอกกับสำนักข่าวเอพีว่า ตอนนี้อาฟราเป็นลูกของเขาอีกคน เขาจะเลี้ยงเธอเหมือนลูกของตัวเอง และจะรักเธอยิ่งกว่า เพราะเธอเป็นตัวแทนความทรงจำของพ่อ แม่ และพี่น้องของเธอที่เสียชีวิตไป
ภาพจาก AFP, Reuters