กระทรวงการต่างประเทศของจีน ระบุว่า คำสั่งให้บุคลากรของรัฐบาลกลางสหรัฐฯถอนการติดตั้งแอปพลิเคชัน Tiktok เป็นการกระทำที่ผิดและใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรมเพื่อกวาดล้างบริษัทต่างชาติ
โดยจีนได้เรียกร้องให้สหรัฐฯเคารพในหลักการแข่งขันด้านเศรษฐกิจที่เสรีและเป็นธรรม รวมทั้งสร้างสถาพแวดล้อมที่เปิดกว้างและไม่เลือกปฏิบัติต่อบริษัทต่างชาติที่ประกอบธุรกิจในสหรัฐฯ
ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลจีนมีขึ้นหลังจากผู้อำนวยการสำนักบริหารและงบประมาณของสหรัฐ ระบุในบันทึกที่ส่งถึงหน่วยงานต่าง ๆ ว่า ให้ลบแอปพลิเคชัน Tiktok
ออกจากอุปกรณ์และระบบของรัฐบาลกลางทั้งหมด ภายใน 30 วัน โดยให้เหตุผลในเรื่องความกังวลเกี่ยวกับการรั่วไหลของข้อมูลที่เป็นความลับ
คำสั่งครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อเดือนธันวาคม สภาคองเกรสลงมติ ห้ามพนักงานของรัฐบาลกลางใช้แอปพลิเคชั่นดังกล่าว บนอุปกรณ์ของตัวเอง โดยให้เวลารัฐบาล 60 วัน ออกคำสั่งให้หน่วยงานต่างๆ ปฏิบัติตาม
ส่วน บริษัท ไบต์แดนซ์ บริษัทสัญชาติจีน ในฐานะเจ้าของแอปพลิเคชั่นติ๊กตอก ถูกกล่าวหาว่าได้เก็บข้อมูลของผู้ใช้งาน เพื่อส่งมอบให้กับรัฐบาลจีน แต่บริษัทดังกล่าวยืนยันว่าดำเนินธุรกิจไม่ต่างจากบริษัทสื่อโซเชียลมีเดียรายอื่นๆ และไม่มีนโยบายที่จะถ่ายโอนข้อมูลตามคำสั่งของฝ่ายใดก็ตาม
นอกจากสหรัฐฯแล้ว ยังมีแคนาดาที่ นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด แถลงเมื่อวันจันทร์ เกี่ยวกับการห้ามอุปกรณ์สื่อสารและเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดที่เป็นของรัฐ ติดตั้งแอปพลิเคชันติ๊กต็อก และเจ้าของอุปกรณ์เหล่านี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้ดาวน์โหลดติ๊กต็อกกลับลงสู่อุปกรณ์ของรัฐด้วย โดยให้มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
โดยทรูโดกล่าวว่า การดำเนินการครั้งนี้จะสามารถเป็นแนวทางให้กับภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ในการพิจารณาเกี่ยวกับความปลอดภัยบนเครื่องมือสื่อสารด้านอิเล็กทรอนิกส์ของตัวเอง
เช่นเดียวกับ รัฐสภายุโรป ที่สั่งห้ามเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานใช้งานแอปพลิเคชั่นติ๊กตอก ซึ่งจะรวมถึงการใช้งานบนอุปกรณ์ส่วนตัวที่สามารถเชื่อมต่อกับอีเมล และ เครือข่ายต่างๆของค์กร โดยก่อนหน้านี้ 2 องค์กรหลักของสหภาพยุโรป ทั้งคณะกรรมาธิการยุโรป และ คณะมนตรียุโรป เคยออกคำสั่งลักษณะเดียวกันมาแล้ว