ทำเนียบขาว ยันระบบธนาคารสหรัฐฯ แข็งแกร่ง ปชช.อย่าวิตก

โดย PPTV Online

เผยแพร่

เกิดความกังวลไปทั่วโลกหลังจากเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารของสหรัฐฯ 2 แห่งต้องปิดตัวลง หนึ่งในนั้นก็คือ ธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ แบงก์หรือ SVB ธนาคารใหญ่อันดับที่ 16 ของสหรัฐฯ

การล้มของ SVB เกิดขึ้นหลังจากเผชิญปัญหาสภาพคล่องอย่างหนักและประสบความล้มเหลวในการขายหุ้นเพิ่มทุน จนทำให้ลูกค้าตื่นตระหนกถึงขั้นพากันแห่ถอนเงินฝาก

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รัฐบาลต้องออกมาแถลงเพื่อลดความตื่นตระหนกโดยระบุว่า ระบบการเงินของประเทศยังแข็งแกร่ง และลูกค้าที่ฝากเงินไว้กับธนาคารที่ล้มจะเข้าถึงเงินในบัญชีของตัวเองและสามารถถอนเงินทั้งหมดได้ภายในวันนี้

รู้จัก Silicon Valley Bank เจาะสาเหตุ "แบงก์ยักษ์ล้ม"

สหรัฐฯ สั่งปิดธนาคาร Silicon Valley Bank หลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง

เซซิเลีย เราส์ ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจแห่งทำเนียบขาว ออกมาแถลงยืนยันว่าระบบธนาคารในสหรัฐฯในขณะนี้มีรากฐานที่แข็งแกร่งและสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

โดยเธอได้เปรียบเทียบว่า ความแข็งแกร่งของระบบธนาคารสหรัฐฯ ในวันนี้มีมากกว่าครั้งที่เกิดวิฤตแฮมเบอร์เกอร์เมื่อ 15 ปีที่แล้วมาก

เมื่อปี 2008 หรือ 15 ปีที่แล้ว สหรัฐฯ เจอกับวิกฤตทางการเงินครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี นั่นก็คือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์  ซึ่งเริ่มจากการเกิดภาวะฟองสบู่แตกในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตามมาด้วยการผิดนัดชำระหนี้ของสินเชื่อซับไพรม์และสินเชื่อดอกเบี้ยลอยตัวตั้งแต่ปี 2005-2006 ก่อนที่ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ จะพากันประสบภาวะหนี้เน่าและขาดสภาพคล่องรุนแรง

การออกมาแถลงแสดงความมั่นใจถึงความแข็งแกร่งของระบบธนาคาร เกิดขึ้นหลังจากประธานสภาที่ปรึกษาสถาบันคุ้มครองเงินฝาก หรือ เอฟดีไอซี (FDIC) ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ออกมายืนยันว่า ผู้ฝากเงินทุกรายของธนาคารที่ล้มจะได้รับการคุ้มครองเงินฝากจำนวน 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯหรือราว 8.65 ล้านบาทต่อบัญชีเงินฝากและจะสามารถเข้าถึงเงินฝากของตัวเองได้ภายในวันจันทร์ที่ 13 มีนาคมนี้

ธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ หรือ SVB เป็นธนาคารใหญ่อันดับที่ 16 ของสหรัฐฯ และเป็นสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ให้กับลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพ

ก่อนหน้านี้ ธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ ได้ประกาศแผนขายหุ้นในวงเงิน 2,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 77,926 ล้านบาทเพื่อเสริมสภาพคล่อง หลังจากธนาคารประสบภาวะขาดทุนอย่างหนักจากการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าลดลงอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมากจากการที่ธนาคารกลางของสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งเพื่อแก้วิกฤตเงินเฟ้อในรอบปีที่ผ่านมา

ขณะที่ซิกเนเจอร์ แบงก์ เป็นธนาคารขนาดกลางซึ่งมีนโยบายการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลให้กับลูกค้ารายย่อยในรัฐนิวยอร์ก แคลิฟอร์เนีย และเนวาดา

มาตรการที่ประกาศออกมา ทำให้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับธนาคารในสหรัฐฯ ขณะนี้ น่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น ไม่น่าจะลุกลามบานปลายจนกลายเป็นวิกฤตใหญ่เหมือนกับวิกฤตทางการเงินทั่วโลกเมื่อปี 2008

ศาสตราจารย์ เจอราร์ด โคมิซิโอ รองผู้อำนวยการวิทยาลัยกฎหมายวอชิงตัน ระบุว่า แม้ธนาคารที่ล้มจะเป็นธนาคารที่ใหญ่ แต่ทางการสหรัฐฯ มีกฏระเบียบและมาตรการทางการเงินที่มีความเข้มแข็งและเข้มงวดมากพอที่จะจำกัดวงของความเสียหายได้ ต่างจากเมื่อปี 2008 ที่เกิดวิกฤตโดยที่หน่วยงานต่างๆยังไม่มีความพร้อมในการรับมือกับปัญหา

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยวันนี้ก็มีความผันผวนจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยถูกเทขาย หลังมีข่าวว่าธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ ถูกสั่งปิด แต่ทันทีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาตรการช่วยเหลือบรรดาผู้ฝากเงินแบบเต็มจำนวน ตลาดหุ้นไทยก็ปรับตัวกลับมาได้

อย่างไรก็ดี เกิดการเทขายหุ้นไทยอีกครั้งในช่วงบ่ายจากความกังวลต่อสถานการณ์ในสหรัฐฯ ส่งผลให้วันนี้ตลาดหุ้นไทยปิดที่ -26

 

Bottom-PL-HLW Bottom-PL-HLW

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ