"สี จิ้นผิง" เยือนรัสเซียกระชับสัมพันธ์ไร้ขีดจำกัด

โดย PPTV Online

เผยแพร่

สงครามในยูเครนที่ดำเนินมาเกือบ 13 เดือน กำลังจะเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ หลังจากที่ในวันนี้ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ผู้นำของจีนตัดสินใจเดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ

 นี่คือการเยือนรัสเซียเป็นครั้งแรกของผู้นำจีนนับตั้งแต่ประธานาธิบดีปูตินเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ปีที่แล้ว หลายชาติโดยเฉพาะสหรัฐฯ และพันธมิตรจับตามองการเยือนรัสเซียของผู้นำจีนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากศาลอาญาระหว่างประเทศออกหลายจับประธานาธิบดีปูตินในข้อหาก่ออาชญากรรมสงคราม และเกิดขึ้นในวันที่ชาติพันธมิตรกำลังมีความกังวลว่าจีนอาจส่งอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อช่วยรัสเซียทำสงครามยูเครน

ผู้นำจีนเยือนรัสเซีย คาดหารือแผนสันติภาพยูเครน

สโลวาเกีย ประกาศส่งเครื่องบินขับไล่ MiG-29 ให้ยูเครน

เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ( 20 มี.ค.) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้เดินทางถึงกรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ทางรัฐบาลรัสเซียได้ส่งผู้แทนและวงดุริยางค์ของกองทัพ มาต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

นี่คือการเริ่มต้นการเดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ โดยผู้นำจีนจะอยู่ที่กรุงมอสโกเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันพุธที่ 22 มี.ค.

นี่เป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนมีมติรับรองให้เขาเป็นประธานาธิบดีต่อในสมัยที่ 3 ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองสมัยใหม่ของจีน

ตามกำหนดการ ในช่วงค่ำวันนี้ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงจะเข้าพบกับประธานาธิบดีปูตินแบบตัวต่อตัวอย่างไม่เป็นทางการ และการหารืออย่างเป็นทางการจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้

นี่ไม่ใช่การพบกันครั้งแรกของผู้นำทั้งสอง ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงและประธานาธิบดีปูตินเคยพบกันมาแล้วถึง 39 ครั้ง นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงขึ้นเป็นผู้นำจีนเมื่อ 10 ปีก่อน

อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายให้ความสำคัญกับการเยือนครั้งนี้มากที่สุด เพราะเกิดขึ้นในวันที่สงครามยูเครนกำลังดุเดือด ท่ามกลางความคลางแคลงใจต่อจุดยืนของจีน ที่หลีกเลี่ยงการประณามการรุกรานยูเครนของรัสเซียมาตลอดเกือบสองปี

ถึงแม้ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดประเด็นที่ผู้นำทั้งสองจะคุยกันแบบชัดเจน แต่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าหนึ่งในนั้นหนีไม่พ้นเรื่องสงครามในยูเครน

ก่อนหน้าที่สีจิ้นผิงจะเดินทางมาถึง ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า รัสเซียพร้อมที่จะให้รายละเอียดและความชัดเจนในเรื่องปฏิบัติการพิเศษทางการทหารของรัสเซียในยูเครนต่อผู้นำจีน

หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า เป้าหมายในการเดินทางเยือนรัสเซียของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในครั้งนี้คือเรื่องใด นักวิเคราะห์หลายคนประเมินการเดินทางเยือนรัสเซียของสีจิ้นผิงในครั้งนี้ว่า มีเป้าหมายสำคัญ 2 ประเด็น

ประเด็นแรก คือ จีนต้องการแสดงบทบาทและตอกย้ำภาพลักษณ์ของตนเองในฐานะชาติที่มีบทบาทนำในการไกล่เกลี่ยและยุติความขัดแย้งในหลายภูมิภาคทั่วโลก

หลังจากที่จีนเพิ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างซาอุดีอาระเบียและอิหร่าน สองชาติจากภูมิภาคตะวันออกกลางที่เป็นปฏิปักษ์กันมายาวนาน

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา จีนได้เสนอแผนสันติภาพ 12 ข้อเพื่อยุติสงครามในยูเครน โดยในแผนดังกล่าวจีนได้ระบุให้ทั้ง 2 ฝ่ายยุติการสู้รบและหยุดยิงเพื่อขึ้นเปิดการเจรจา

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอสันติภาพและการเล่นบทเป็นผู้ไกล่เกลี่ยของจีน ถูกพันธมิตรของยูเครนตั้งคำถาม เพราะจีนยังคงเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ปฏิเสธการออกเสียงประณามปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน ผ่านกลไกขององค์การสหประชาชาติ

ส่วนประเด็นที่สอง คือ จีนต้องการแสดงให้สหรัฐฯและโลกตะวันตกได้เห็นว่า ในวันที่รัสเซียถูกคว่ำบาตร ถูกประณามจากประชาคมโลกจากการเข้ารุกรานยูเครน และในวันที่ประธานาธิบดีปูตินถูกหมายจับในข้อหาอาชญากรรมสงคราม

สิ่งเหล่านี้จะไม่เป็นอุปสรรคของจีนในการเดินหน้ากระชับความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและลึกซึ้งกับรัสเซียต่อไป

 

นักวิเคราะห์หลายคนระบุว่า  นี่คือการเดินหมากของจีนที่มีจุดประสงค์ในการจัดระเบียบความสัมพันธ์ของโลกใหม่เพื่อให้หลุดพ้นจากการครอบงำของสหรัฐฯ ที่เป็นมหาอำนาจในเวลานี้ สิ่งนี้สะท้อนได้จากบทความของสี จิ้น ผิง ที่มีการเผยแพร่ออกมาไม่กี่ชั่วโมงก่อนการถึงมอสโก

วันนี้สำนักข่าวอาร์ไอเอ (RIA Novasti) ของรัสเซีย ได้เผยแพร่บทความของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงที่มีชื่อว่า “การก้าวไปข้างหน้าเพื่อเปิดบทใหม่ของมิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนาร่วมกันระหว่างจีน-รัสเซีย”

ในบทความดังกล่าว ผู้นำจีนได้กล่าวถึงพัฒนาการความสัมพันธ์จีน-รัสเซียในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา ว่ามีความร่วมมือในระดับสูงหลายครั้ง โดยทั้งสองประเทศเป็นเพื่อนบ้านและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมเสมอมา 

ประธานาธิบดีสี เน้นย้ำเรื่องความสัมพันธ์และผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองชาติ เช่น การเสริมสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจแบบทวิภาคีและระดับภูมิภาค เช่น การประสานความร่วมมือผ่านโครงการหนึ่งแถบหนึ่งแสนทาง และสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย

นอกจากนี้ ผู้นำจีนยังได้กล่าวถึงการส่งเสริมความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ระหว่างประเทศและการก้าวไปสู่โลกใหม่ ด้วยความสัมพันธ์แบบยั่งยืนและได้ประโยชน์ร่วมกัน

อย่างไรก็ดี การพบกันของทั้งสองผู้นำและการพูดถึงระเบียบระหว่างประเทศท่ามกลางสงครามที่เกิดขึ้นในยูเครน สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับสหรัฐฯ

สังเกตได้จากบทสัมภาษณ์ของจอห์น เคอร์บี ผู้ประสานงานสภาความมั่นคงแห่งชาติด้านการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ในฟอกซ์ นิวส์ ซันเดย์ (FOX NEWS SUNDAY) ที่ระบุว่า จีนและรัสเซียกำลังขัดขืนต่อระเบียบระหว่างประเทศ ที่บรรดาชาติพันธมิตรร่วมกันสร้างหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2

นอกจากนี้ จอห์น เคอร์บี ยังได้กล่าวถึงเรื่องการพบกันของผู้นำจีนและรัสเซียกับนัยต่อสงครามในยูเครนว่า การพบการอาจทำให้เกิดข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครนขึ้น

แต่สหรัฐฯ จะไม่ยอมรับเรื่องนี้ เพราะการหยุดยิงคือการซื้อเวลาให้ผู้นำรัสเซียระดมพลและทำสงครามครั้งใหม่

การพบกันระหว่างผู้นำจีนและรัสเซียในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลอาญาระหว่างประเทศหรือ ICC ออกหมายจับประธานาธิบดีปูตินในข้อหามีส่วนรู้เห็นกับการก่ออาชญากรรมสงคราม รวมถึงการลักพาตัวเด็กชาวยูเครนไปยังรัสเซีย

อย่างไรก็ดี เพียงหนึ่งวันหลัง ICC ออกหมายจับ ประธานาธิบดีปูตินได้เดินทางไปเยือนเมืองมาริอูปอล ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รัสเซียยึดครองมาตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2022

เมื่อวานนี้ สื่อทางการของรัสเซียได้เผยแพร่ภาพของประธานาธิบดีปูตินที่โดยสารเฮลิคอปเตอร์ไปยังเมืองมาริอูปอลของยูเครน

ก่อนที่จะขับรถยนต์ไปตามเมืองในเวลากลางคืนเพื่อติดตามสิ่งที่เกิดขึ้นในเมือง หลังกองทัพรัสเซียเคยทำลายเพื่อยึดเมืองนี้ในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมปีที่แล้ว นี่คือเส้นทางที่สำนักข่าวบีบีซีคาดการณ์ว่าประธานาธิบดีปูตินได้ขับรถยนต์ผ่าน

จากแผนที่จะเห็นได้ว่าผู้นำรัสเซียขับรถผ่านหลายสถานที่สำคัญในช่วงที่รัสเซียโจมตีเมืองนี้ ผู้นำรัสเซียอาจขับรถไปตามถนนคูปรินา และเลี้ยวเข้าสู่ถนนมีรู ซึ่งทอดยาวผ่านโรงพยาบาลแม่และเด็กมาริอูปอล ที่รัสเซียเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใส่เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2022 ก่อนที่ผู้นำรัสเซียจะเลี้ยวเข้าสู่ถนนเมตาลูร์ฮิฟ เพื่อไปยังโถงแสดงคอนเสิร์ตมาริอูปอล

ทั้งนี้ก่อนที่ผู้นำรัสเซียจะเดินทางไปถึงโถงแสดงคอนเสิร์ต ผู้นำรัสเซียอาจเห็นซากของโรงละครมาริอูปอลที่ถูกรัสเซียทิ้งระเบิดใส่เมื่อวันที่ 16 มีนาคมปีที่แล้ว หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าอะไรคือแรงจูงใจของประธานาธิบดีปูตินในการเดินทางเยือนมาริอูปอลครั้งนี้

นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า นี่เป็นการแสดงความแข็งแกร่งและเป็นโอกาสของผู้นำรัสเซียในการแสดงให้ชาวรัสเซียในประเทศเห็นว่าผู้นำรัสเซียไม่ได้เกรงกลัวต่อการออกหมายจับในข้อหาอาชญกรรมสงครามของศาลอาญาระหว่างประเทศ จากการมีส่วนรู้เห็นกับการลักพาตัวเด็กยูเครน

ภาพขณะที่ผู้นำรัสเซียขับรถหรือเดินไปเยี่ยมชมพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ กำลังส่งสารว่า ผู้นำของชาวรัสเซียสามารถเดินทางไปที่ใดก็ได้ รวมถึงดินแดนของยูเครนที่รัสเซียผนวกมาแบบไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วย

ส่วนสาเหตุที่ผู้นำรัสเซียเลือกไปเยือนเมืองมาริอูปอลมีความเป็นไปได้ 2 ข้อคือ

ข้อแรก เมืองมาริอูปอลเป็นเมืองใหญ่แห่งเดียวในยูเครน ที่รัสเซียครอบครองไว้ได้อย่างสมบูรณ์ หรืออาจเรียกว่าเป็นชัยชนะที่แท้จริงของรัสเซีย นับตั้งแต่เปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อปีที่แล้ว 

ข้อที่สอง เมืองมาริอูปอลมีความเกี่ยวโยงกับคดีลักพาตัวเด็ก ซึ่งเป็นข้อหาหลักที่อัยการของ ICC ใช้เพื่อฟ้องร้องประธานาธิบดีปูติน

โดยสำนักข่าวเอพี (AP) รายงานว่านายกเทศมนตรีเมืองมาริอูปอลยืนยันว่า มีเด็กหลายร้อยคนในเมืองถูกรัสเซียพาตัวออกไป ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคมปี 2022 ก่อนที่รัสเซียจะยึดเมืองนี้ได้อย่างสมบูรณ์

สำหรับประเด็นเรื่องหมายจับผู้นำรัสเซียในข้อหาอาชญากรรมสงคราม วันนี้ทางการจีนก็ได้ออกมาแสดงความเห็นเรื่องนี้เช่นกัน

หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ระบุเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาว่า ศาลอาญาระหว่างประเทศควรดำเนินงานอย่างเป็นกลาง ใช้อำนาจอย่างรอบตามกฎหมาย และไม่ควรปฏิบัติแบบสองมาตรฐาน

ด้านดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียระบุว่า การออกหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศแสดงให้เห็นถึงการแสดงท่าทีที่เป็นศัตรูต่อรัสเซียและประธานาธิบดีปูติน และรัสเซียกำลังติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

ด้วยท่าทีเช่นนี้ของรัสเซียทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า การออกหมายจับผู้นำรัสเซียในข้อหาก่ออาชญากรรมจะมีผลอย่างไรต่อประธานาธิบดีปูติน และผู้นำรัสเซียจะถูกนำตัวไปรับโทษที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์หรือไม่

มาร์ค เคอร์สเตน อาจารย์ประจำสาขาวิชาอาชญาวิทยาและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา มหาวิทยาลัยเฟรเซอร์ อธิบายว่าศาลอาญาระหว่างประเทศไม่มีตำรวจเป็นของตนเอง ทำให้ไม่มีกองกำลังจับตัวประธานาธิบดีปูติน และเป็นเรื่องยากที่ผู้นำรัสเซียจะถูกจับกุมขึ้นศาล

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญรายนี้กล่าวเสริมว่า นานาชาติยังพอมีโอกาสและความหวังในการนำตัวประธานาธิบดีปูตินมาขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ

โดยปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่การชดใช้ความผิดของผู้นำรัสเซียคือ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายในที่ทำให้ผู้นำรัสเซียหมดอำนาจ และเจตจำนงของชาวรัสเซีย ที่ต้องการให้ผู้นำรัสเซียรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำสิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การจับตัวและส่งตัวเขาไปให้กับอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ดี การเดินทางเยือนมาริอูปอลของประธานาธิบดีปูตินครั้งนี้ สร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนอย่างมาก โดยหลายคนออกมาวิจารณ์การกระทำของผู้นำรัสเซียอย่างรุนแรง

มิไคโล โปลโดยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครนได้ออกมาทวิตข้อความวิจารณ์การกระทำของผู้นำรัสเซียว่าการเป็นการกระทำถากถางดูถูกชาวยูเครน และขาดความสำนึกผิดกับสิ่งที่ได้ทำลงไป

ด้านกระทรวงกลาโหมยูเครนก็ได้ทวิตข้อความวิจารณ์ผู้นำรัสเซียเช่นกัน โดยเรียกผู้นำรัสเซียว่า “หัวขโมย” และระบุว่าสาเหตุที่ผู้นำรัสเซียต้องไปเยือนเมืองมาริอูปอลตอนกลางคืนเป็นเพราะปลอดภัยกว่า และต้องการปิดบังซ่อนเร้นหายนะที่มาจากฝีมือรัสเซียเอง

 

Bottom-PL-24 Bottom-PL-24

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ