ขณะที่เมื่อวานนี้ 23 เม.ย. มีภาพการปรากฎตัวครั้งแรกของผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลัง RSF ใกล้กับทำเนียบประธานาธิบดีซูดาน ถือเป็นการปรากฎตัวครั้งแรก ตั้งแต่เกิดการปะทะขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน
มีการเผยแพร่วิดีโอที่เผยให้เห็นภาพของ พลเอกโมฮาเหม็ด ฮัมดาน ดากาโล หรือ เฮเม็ดติ ผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลัง RSF ซึ่งเดินทางมากับขบวนรถคุ้มกันของ RSF
การปรากฏตัวในที่สาธารณะเป็นครั้งแรกของนายพลเฮเม็ดติ นับตั้งแต่เกิดการสู้รบกับกองทัพซูดานเมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา
ครบ 1 สัปดาห์ ทหาร 2 ฝ่ายปะทะในซูดาน ไร้วี่แววสันติภาพ
"ทหารแย่งชิงอำนาจ" ที่มาของการสู้รบรอบใหม่ในซูดาน
สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่าจากการตรวจสอบวิดีโอดังกล่าวพบว่า สถานที่ที่ปรากฎในวิดีโอนั้นใกล้กับทำเนียบประธานาธิบดีซูดานในกรุงคาร์ทูม เมืองหลวงของซูดาน
อย่างไรก็ดี รอยเตอร์สยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าคลิปวิดีโอนี้ถูกถ่ายขึ้นในวันอาทิตย์ วันเดียวกันกับที่วิดีโอถูกเผยแพร่หรือไม่
ขณะที่ทางเหนือของกรุงคาร์ทูม พบว่ามีควันดำลอยออกมาจากเขตอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในเมืองบาห์รี ซึ่งเป็นจุดที่มีรายงานว่ากองทัพซูดานกับกองกำลัง RSF ปะทะกันอย่างหนักตลอดวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
การสู้รบที่รุนแรงตั้งแต่วันที่ 15 เมษายนจนถึงเมื่อวานนี้ ส่งผลให้เกิดความสูญเสียจำนวนมากทั้งในกรุงคาร์ทูม เมืองหลวงของซูดาน รวมถึงเขตใกล้เคียงอย่างบาห์รีและออมดูร์มาน
องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้เสียชีวิตในซูดานแล้วอย่างน้อย 420 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 3,700 คน
แม้จะมีความพยายามบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างสองกองทัพอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ข้อตกหยุดยิงก็ล้มเหลว ถูกละเมิดภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงทุกครั้ง
สื่อท้องถิ่นระบุว่า ความล้มเหลวในการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงทุกฉบับ เกิดจากทั้งกองทัพซูดานและกองกำลัง RSF ต่างกล่าวหาซึ่งกันและกันว่า อีกฝ่ายหนึ่งละเมิดข้อตกลงหยุดยิงก่อน ทำให้ต้องมีการยิงตอบโต้ซึ่งกันและกัน
การสู้รบระหว่างกองทัพซูดานและกองกำลัง RSF ที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงคาร์ทูม ส่งผลให้หลายประเทศมีคำสั่งอพยพเจ้าหน้าที่ทางการทูต พนักงานสถานทูตและพลเรือนของตนเองออกจากซูดานแล้ว
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เผยแพร่ภาพของแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ขณะสั่งการการอพยพเจ้าหน้าที่ทางการทูตและพนักงานชาวอเมริกันของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ จำนวนเกือบ 100 คนออกจากกรุงคาร์ทูม ไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ MH-47 Chinook ที่ฐานทัพสหรัฐฯ ที่ตั้งอยู่ในประเทศจีบูติ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา
ขณะที่ผู้นำแคนาดา จัสติน ทรูโด ที่ประกาศผ่านว่าทวิตเตอร์ว่า แคนาดาขอยุติการปฏิบัติหน้าที่ทั้งหมดของสถานทูตแคนาดาในกรุงคาร์ทูมเป็นการชั่วคราว หลังอพยพนักการทูตและเจ้าหน้าที่สถานทูตชาวแคนาดาทั้งหมดออกจากซูดานได้อย่างปลอดภัยแล้ว
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีแคนาดาได้ให้คำมั่นว่าจะดำเนินทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อช่วยเหลือบรรดาลูกจ้างชาวซูดานของสถานทูตซึ่งไม่ได้ถูกอพยพออกมาด้วย
ด้านริชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ก็ได้ทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว แสดงความขอบคุณต่อกองทัพที่ดำเนินการอพยพเจ้าหน้าที่การทูตของสหราชอาณาจักรและครอบครัวออกจากซูดานได้อย่างปลอดภัย
โดย เบน วอลเลซ รัฐมนตรีกลาโหมสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า กองทัพสหราชอาณาจักรได้ใช้กำลังพลมากกว่า 1,200 นายและเครื่องบินลำเลียงทั้งแบบ C-130s และ A400 ในปฏิบัติการอพยพครั้งนี้
ด้านกองทัพอากาศของเยอรมนีได้เผยแพร่ภาพขณะที่เครื่องบินของกองทัพลงจอดอย่างปลอดภัยที่สนามบินเบอร์ลิน-บรันเดนบวร์ก รวมถึงเผยแพร่ภาพของพลเมืองเยอรมนีและเจ้าหน้าที่ทางการทูตกลุ่มแรกที่ถูกอพยพออกมาจากซูดานอย่างปลอดภัย
จอร์แดน เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ไม่มั่นใจในสถานการณ์สู้รบในซูดานและตัดสินใจดำเนินมาตรการอพยพพลเมืองของตัวเองออกจากซูดานอย่างเร่งด่วน
ซินาน อัล มาญาลี โฆษกกระทรวงต่างประเทศจอร์แดนเปิดเผยว่า กองทัพจอร์แดนได้ใช้เครื่องบินทหารจำนวน 4 ลำเข้าไปอพยพพลเมืองจอร์แดน รวมถึงพลเมืองของปาเลสไตน์ อิรัก ซีเรียและเยอรมนี รวมทั้งสิ้น 343 คนออกจากเมืองพอร์ต ซูดานของซูดาน ก่อนจะพาทุกคนมาถึงยังสนามบินมาร์กาในกรุงอัมมาน เมืองหลวงของจอร์แดนได้อย่างปลอดภัย
ท่ามกลางการอพยพพลของหลายประเทศสื่อท้องถิ่นคาดการณ์ว่า ยังมีประชาชนและชาวต่างชาติที่ติดค้างอยู่ในพื้นที่ต่างๆโดยเฉพาะในกรุงคาร์ทูม ที่เป็นศูนย์กลางของการสู้รบอีกเป็นจำนวนมาก รวมถึงนักศึกษาชาวไนจีเรียรายนี้
คลิปวิดีโอของนักศึกษาคนหนึ่งจากประเทศไนจีเรีย ที่ได้อัดคลิปเพื่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยอพยพพาออกจากซูดานอย่างเร่งด่วน
เนื่องจากกังวลถึงสวัสดิภาพของตนเองและชาวไนจีเรียในซูดานอีกกว่า 4,000 คน ที่ขณะนี้เริ่มประสบภาวะขาดแคลนน้ำและอาหารต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว