หนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการโจมตีรอบนี้คือ ศูนย์กลางการขนส่งของเมืองพาฟโลกราด แคว้นดนีโปรเปตรอฟสก์ ทางภาคกลางของยูเครน ซึ่งอยู่ห่างจากแนวหน้าการสู้รบประมาณ 110 กิโลเมตรเท่านั้น ผลจากการโจมตีทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับบาดเจ็บ 40 ราย อาคารบ้านเรือนหลายสิบหลังพังราบเป็นหน้ากลองจากเพลิงไหม้ และแรงระเบิดของขีปนาวุธ ประชาชนในพื้นที่บางคนเล่าว่าแรงระเบิดรุนแรงมาก เคราะห์ดีที่ไม่ได้ออกไปนอกบ้านตอนที่ขีปนาวุธตกลงมา
เจ็บแต่จบ! สงครามรัสเซีย-ยูเครน มีโอกาสสิ้นสุดในปีนี้?
รัสเซียปั่นป่วนจากภายใน? เตรียมยุบองค์กรทหารรับจ้าง “แวกเนอร์”
ขณะที่บางคนบอกว่า นอกจากเหตุการณ์นี้จะสร้างความเสียหายทางด้านวัตถุแล้ว ยังสร้างบาดแผลทางจิตใจให้กับเด็กๆ ด้วย
นอกจากที่เมืองพาฟโลกราด อีกพื้นที่หนึ่งที่ถูกโจมตีคือ แคว้นเชอร์นิฮีฟทางตอนเหนือของยูเครน สำนักข่าวเคียฟอินดิเพนเดนท์ รายงานว่ารัสเซียได้โจมตีเมืองนี้ด้วยระเบิดนำวิถีสองลูก ส่งผลให้โรงเรียนและอาคารบ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหาย
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนได้ออกมาประณามการกระทำดังกล่าวของรัสเซียขณะแถลงการณ์ประจำวันเมื่อวานนี้ ( 1 พ.ค.) เนื่องจากการโจมตีทำให้เด็กชายชาวยูเครนวัย 14 ปีเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 2 คน
เหตุโจมตีที่เกิดขึ้นในเมืองพาฟโลกราดและแคว้นเชอร์นิฮีฟ เป็นตัวอย่างความเสียหายจากการโจมตีทางอากาศด้วยขีปนาวุธชุดใหญ่ของรัสเซียครั้งที่ 2 ในรอบเพียง 3 วันเท่านั้น ทางการยูเครนรายงานว่าเฉพาะเมื่อวานนี้ รัสเซียโจมตียูเครนด้วยขีปนาวุธถึง 18 ลูก แต่ระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนสามารถยิงสกัดไว้ได้ถึง 15 ลูก ซึ่งขีปนาวุธที่ถูกทำลายส่วนใหญ่เป็นขีปนาวุธที่พุ่งเป้าเข้าโจมตีกรุงเคียฟ
นอกจากสถานการณ์การโจมตีทางอากาศทั่วยูเครน ตอนนี้อีกพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายกำลังปะทะกันอย่างหนักคือ เมืองบัคมุตในแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน ที่มีกลุ่มนักรบรับจ้างแวกเนอร์รบเป็นกำลังหลักในการรบ
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดที่นั่น กลุ่มแวกเนอร์กำลังขาดแคลนกระสุนเพื่อสู้รบต่อ และทางการรัสเซียยังไม่ส่งกระสุนเพิ่มเติมให้ จนผู้ก่อตั้งกลุ่มแวกเนอร์ต้องออกมาจวกกองทัพรัสเซีย กลายเป็นดรามากลางสมรภูมิที่ดุเดือด
วานนี้ เยฟเกนี ปริโกชิน ผู้ก่อตั้งกลุ่มนักรบรับจ้างแวกเนอร์ ได้เผยแพร่วิดีโอขณะที่อยู่ที่คลังเก็บอาวุธแห่งหนึ่งในเมืองโซเลียดาร์ ไม่ไกลจากเมืองบัคมุต พื้นที่แนวหน้าของสนามรบ ในวิดีโอดังกล่าว ปริโกชินได้พูดกระแทกกระทั้นกองทัพรัสเซียว่า กลุ่มแวกเนอร์จะล่มสลายไม่ใช่เพราะใครอื่น แต่เป็นเพราะรัสเซียด้วยกันเอง พร้อมกับระบุว่าตอนนี้กลุ่มแวกเนอร์ต้องการกระสุนอย่างน้อย 300 ตันต่อวันเพื่อยันกองกำลังยูเครนไว้ แต่กองทัพรัสเซียก็ไม่เคยส่งกระสุนมาให้ตามจำนวนที่เคยขอไป
อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้ก่อตั้งกลุ่มแวกเนอร์ออกมาจวกกระทรวงกลาโหมรัสเซียแบบโจ่งแจ้ง
ก่อนหน้านี้ปริโกชินเคยออกมาวิจารณ์เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซียหลายครั้ง เกี่ยวกับเรื่องการส่งกระสุนให้กลุ่มแวกเนอร์ในเมืองบัคมุต
นอกจากวิจารณ์กระทรวงกลาโหมแล้ว ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมานี้ ปริโกชินยังได้ขู่ว่าอาจถอนกองกำลังแวกเนอร์ออกจากเมืองบัคมุต หากรัสเซียไม่ส่งกระสุนปืนมาให้ โดยระบุว่าที่ต้องถอนกำลังก็เพราะแวกเนอร์เสียกำลังพลไปจำนวนมาก ในการให้สัมภาษณ์กับบล็อกเกอร์ทหารรัสเซียรายหนึ่ง เชาระบุว่า กลุ่มแวกเนอร์เสียทหารไปมากกว่าที่ควรจะเป็นถึง 5 เท่า เพราะไม่มีกระสุนสู้รบกับยูเครน
คนที่ออกมาพูดเรื่องนี้คือ จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ เขาระบุว่านับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทหารของกองทัพรัสเซียได้รับบาดเจ็บรวมแล้วกว่า 70,000-80,000 ราย ในขณะที่อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ของรัสเซียก็ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ นอกจากนี้ โฆษกฯ กลาโหมสหรัฐฯ ยังประเมินว่ารัสเซียอาจมีทหารเสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 20,000 นายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และกว่าครึ่งของจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นนักรบของกองกำลังแวกเนอร์ที่สู้รบอยู่ในเมืองบัคมุต
แม้จะสูญเสียกำลังพลไปมาก แต่รัสเซียและกองกำลังแวกเนอร์ในเมืองบัคมุตยังคงปักหลักสู้ต่อ เพราะที่นี่เป็นฐานที่มั่นสำคัญของรัสเซีย
ปริโกชินเคยเตือนว่าหากแวกเนอร์ถอนกำลังออกจากเมืองบัคมุต จะก่อให้เกิดหายนะกับกองทัพรัสเซีย เนื่องจากจะทำให้ยูเครนสามารถส่งกำลังไปยังเมืองอื่นๆ ได้ และแนวรบกว่า 1,000 กิโลเมตรของรัสเซียจะพังทลาย จนทำให้รัสเซียจะเสียคาบสมุทรไครเมียให้แก่ยูเครน
นอกจากนี้ ปริโกชินยังเคยได้หลุดพูดอีกเหตุผลหนึ่งในการสู้กับกองทัพยูเครนในเมือง บัคมุตว่า ถ้ากลุ่มแวกเนอร์ถอนกองกำลังออกจากบัคมุต การโต้กลับในฤดูใบไม้ผลิของยูเครนจะเริ่มขึ้นทันที