คดีความสั่นคลอนอนาคตทางการเมืองของ ‘ทรัมป์’


โดย PPTV Online

เผยแพร่




หลังพ่ายแพ้การเลือกตั้งให้กับประธานาธิบดีโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครต เมื่อปี 2018 อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามกลับเข้าสู่การเมืองอีกครั้งด้วยการประกาศเข้าชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้า

แต่การกลับเข้าสู่สนามการเมืองของทรัมป์ไม่ง่าย เพราะในขณะนี้เขากำลังกำลังเจอกับการฟ้องร้องในหลายข้อหาด้วยกัน

ล่าสุดคือคดีล่วงละเมิดทางเพศนักเขียนหญิงรายหนึ่ง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 27 ปีที่แล้ว แต่คณะลูกขุนเพิ่งจะมีคำตัดสินออกมาว่าทรัมป์มีความผิดจริง

เมื่อคืนที่ผ่านมา (9 พ.ค.) คณะลูกขุน 9 คนของศาลเขตแมนฮัตตันในมหานครนิวยอร์ค ได้มีมติให้ ทรัมป์ ต้องรับผิดชอบแและชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 168 ล้านบาทให้กับ อี จีน แคร์รอล ในข้อหาทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง 

คณะลูกขุนสหรัฐฯ พบทรัมป์ล่วงละเมิดทางเพศนักเขียนชื่อดัง

“โดนัลด์ ทรัมป์” อดีตผู้นำสหรัฐฯคนแรกที่โดนฟ้องคดีอาญา

ส่วนข้อหาข่มขืนซึ่งเป็นข้อหาหลัก คณะลูกขุนมีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะเอาผิดกับทรัมป์

อี จีน แคร์รอล ปัจจุบันอายุ 79 ปี เป็นอดีตนักเขียนและคอลัมนิสต์ของนิตยสารแอล (Elle)  โดยเธอได้ยื่นฟ้องอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อปีที่แล้วว่าได้ทำการข่มขืนเธอภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของศูนย์การค้าเบิร์กดอร์ฟ กู๊ดแมน ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าชื่อดังในมหานครนิวยอร์ค โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 1996 หรือเมื่อ 27 ปีที่แล้ว

การพิจารณาคดีเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา โดยทรัมป์ ซึ่งเป็นจำเลยในคดีไม่ได้เดินทางมาที่ศาลเลยแม้แต่ครั้งเดียว

อย่างไรก็ดี มีการเผยแพร่คลิประหว่างที่ทรัมป์ถูกทนายความของแคร์รอลซักฟอกเมื่อปี 2022 ว่าทรัมป์ได้กระทำการข่มขืนลูกความของเธอหรือไม่ โดยทรัมป์ได้ปฏิเสธตลอดการไต่สวน โดยเขาย้ำหลายครั้งว่า เขาไม่รู้จักและไม่เคยพบหน้าแคร์รอล ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะข่มขืนเธอ

ทรัมป์ ระบุด้วยว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่ถูกกุขึ้น เป็นเรื่องโกหกหลอกลวง โดยเขาเห็นแคร์รอลจากเพียงภาพถ่ายเท่านั้นและก็รู้ทันทีว่า เธอไม่ใช่ผู้หญิงในสเปคของเขา

สำหรับการพิจารณาคดีในครั้งนี้ คณะลูกขุนได้มีการไต่สวนโจทก์และพยานอีกหลายปาก ก่อนที่จะมีคำตัดสินออกมาเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยให้เอาผิดทรัมป์เฉพาะความผิดที่ทำให้แคร์รอลเสื่อมเสียชื่อเสียงเท่านั้น ส่วนข้อหาข่มขืนซึ่งเป็นข้อหาหลัก คณะลูกขุนมีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะเอาผิดกับทรัมป์

ทั้งนี้ข้อหาทำให้แคร์รอลเสื่อมเสียชื่อเสียง เกิดจากการที่ทรัมป์มีการโพสต์ข้อความเสียๆ หายๆ เกี่ยวกับแคร์รอลนับตั้งแต่เธอตัดสินใจยื่นฟ้องคดีนี้เมื่อปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการพูดว่า แคร์รอลมีอาการป่วยทางจิต หรือเป็นคนโกหกพกลม

อันที่จริงแล้ว คดีนี้หมดอายุความไปแล้วเนื่องจากเป็นเกิดขึ้นมานานเกือบ 30 ปี แต่ผลจากการเคลื่อนไหวของขบวนการ Me Too ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศ ทำให้รัฐนิวยอร์กผ่านกฎหมายฉบับใหม่เมื่อปี 2022 อนุญาตให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อยังสามารถฟ้องร้องได้ แม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นมานานแล้ว  โดยในสำนวนฟ้อง แคร์รอลได้ให้เหตุผลที่ปิดปากเงียบมานานและไม่ยื่นฟ้องทรัมป์ก่อนหน้านั้นว่า เนื่องจากเธอเกรงกลัวอำนาจของทรัมป์

อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2019 แคร์รอลได้ออกหนังสือเล่มหนึ่งที่ชื่อ “ What Do We Need Men For? : A Modest Proposal บางส่วนของหนังสือได้บรรยายภาพทรัมป์ขณะที่พยายามข่มขืนเธอให้ห้องลองเสื้อผ้าของห้างดัง เช่น การเขียนว่า เมื่อประตูถูกปิด เขาก็พุ่งมาหาฉัน กดตัวฉันไว้กับผนังห้องและให้ปากของเขาประกบริมฝีปากเธอ ก่อนจะกระชากถุงน่องและกางเกงในของเธอขาด

และแน่นอนว่า ทรัมป์ใช้เรื่องนี้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่โน้มน้าวคณะลูกขุนในวันที่ให้การว่า เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกพกลม เป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมาเพราะแคร์รอลต้องการขายหรือโปรโมทหนังสือของเธอ

ถึงแม้ว่าทรัมป์จะรอดจากคดีข่มขืน และถูกตัดสินว่ามีความผิดเฉพาะข้อหาทำให้แคร์รอลเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่อดีตผู้นำสหรัฐฯ ก็ยังไม่พอใจต่อคำตัดสินที่ออกมา

อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ โพสต์ข้อความทางสื่อโซเชียลทรูธ (Social Truth) ทันทีที่คำตัดสินออกมา โดยเขาระบุว่า นี่เป็นการพิจารณาคดีที่ไม่เป็นธรรม เป็นคำตัดสินที่น่าละอาย และขอใช้โอกาสนี้ประกาศอีกครั้งว่า เขาไม่รู้จักกับผู้หญิงที่ยื่นฟ้องเขา

อดีตผู้นำสหรัฐฯ ระบุด้วยว่า นอกจากจะเป็นแผนโปรโมทหนังสือของแคร์รอลแล้ว นี่ยังเป็นแผนของพรรคเดโมแครตที่พยายามขัดขวางไม่ให้เขากลับมาลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า

ขณะที่ทนายความของทรัมป์ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ในทำนองเดียวกัน โดยระบุว่า คำตัดสินที่ออกมามีความไม่เป็นธรรม และขณะนี้ทรัมป์ได้สั่งให้ทีมทนายเตรียมยื่นอุทธรณ์แล้ว

การยื่นอุทธรณ์หมายความว่า ทรัมป์จะยังไม่ต้องจ่ายเงินค่าเสียหายจำนวน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 168 ล้านบาทให้กับ อี จีน แคร์รอล ในขณะนี้

คำตัดสินที่ออกมาเมื่อคืนนี้ต้องถือว่าเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่งถูกนำตัวขึ้นศาลในข้อหาปลอมแปลงข้อมูลทางธุรกิจรวมทั้งสิ้น 34 กระทง ซึ่งรวมถึงการแจ้งข้อมูลทางการเงินที่เป็นเท็จในช่วงหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 และนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำสหรัฐฯ ไม่ว่าจะทั้งที่เป็นอดีตหรือที่อยู่ในตำแหน่งถูกดำเนินคดีอาญา

ภาพของการขึ้นศาลของทรัมป์ในคราวนั้น คดีที่อัยการฟ้องทรัมป์มีทั้งหมด 34 คดี โดยเกือบทั้งหมดเกี่ยวข้องการกับจ่ายเงินปิดปากบุคคล 3 คนที่กุมความลับส่วนตัวของทรัมป์ไว้

คนแรกคือ สตอร์มี แดเนียลส์ ดาราภาพยนต์ผู้ใหญ่ซึ่งถูกระบุว่ามีความสัมพันธ์ลับๆ กับทรัมป์เมื่อปี 2006 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทรัมป์แต่งงานกับเมลาเนีย ทรัมป์ ผู้เป็นภรรยาได้ไม่ถึงปี

การจ่ายเงินเพื่อปิดปากสตอร์มี แดเนียลส์ เกิดขึ้นเมื่อปี 2016 ในระหว่างที่ทรัมป์กำลังหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีแข่งกับฮิลลารี คลินตันจากพรรคเดโมแครต โดยคนที่นำเงินไปให้คือ ไมเคิล โคเฮน ทนายความส่วนตัวของทรัมป์ในเวลานั้น

การสอบสวนในเรื่องนี้เริ่มขึ้นในปี 2018 เมื่อโคเฮนถูกจับและให้การสารภาพในศาลว่า ทรัมป์เป็นผู้สั่งให้เขานำเงินค่าปิดปากไปให้  สตอร์มี แดเนียลส์ จริง เนื่องจากเกรงว่าถ้าความสัมพันธ์ลับถูกเปิดเผย ทรัมป์จะเสียคะแนนนิยม

คนที่ 2 ที่ทรัมป์จ่ายเงินปิดปากคือ พนักงานชายที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูทางเข้า-ออกประจำอาคารทรัมป์ทาวเวอร์ เพื่อให้เก็บความลับเรื่องลูกนอกสมรสอย่างลับๆ ของเขา โดยทรัมป์จ่ายไป 30,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 960,000 บาท

คนที่ 3 คือ คาเรน แมคดูกัล อดีตนางแบบนิตยสารเพลย์บอยที่ถูกระบุว่า เป็นอีกคนที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับทรัมป์ โดยเขาสั่งจ่ายเงินปิดปากไป 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 4.8 ล้านบาท  การจ่ายเงินปิดปากมีโทษไม่สูง แต่ปัญหาก็คือ ทีมงานของทรัมป์แจ้งในเอกสารแสดงบัญชีทรัพย์สินและรายรับ-รายจ่ายในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งว่า เงินเหล่านี้เป็น “เงินค่าใช้จ่ายทางกฏหมาย” ซึ่งเข้าข่ายการแจ้งข้อมูลเท็จ

โดยในวันนั้น ทรัมป์ได้ยืนกรานต่อศาลไม่ยอมรับผิดในทุกข้อกล่าวหา หลังจากนั้นก็ประกาศต่อหน้าผู้สนับสนุนเมื่อกลับถึงบ้านพักฟลอริดาโดยระบุว่า นี่คือความพยามกีดกันไม่ให้เขาลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2024 นอกเหนือจากคดีปลอมแปลงเอกสารซึ่งเป็นคดีอาญาแรกแล้ว อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ อาจถูกตั้งข้อหาทางอาญาเพิ่มอีกอย่างน้อย 2 คดี นั่นคือ การพิจารณาคดีของที่ปรึกษาพิเศษเกี่ยวกับความพยายามล้มการเลือกตั้งในปี 2020 และการจัดการเอกสารลับหลังสิ้นสุดวาระดำรงตำแหน่ง

ถึงแม้ว่ากฎหมายไม่ได้ห้ามคนที่ถูกฟ้องในคดีอาญาลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ทำให้ทรัมป์ยังมีโอกาสเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกันในการลงชิงตำแหน่งนี้ อย่างไรก็ตาม แต่นักวิเคราะห์มองว่า การเจอกับคดีหลายคดีอาจส่งผลต่อความนิยมของเขาในพรรคจนไม่สามารถได้เสียงสนับสนุนที่เพียงพอ

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ