“ฮุน เซน” อ้างชนะเลือกตั้งถล่มทลาย ขู่เอาผิดคนทำบัตรเสีย

สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา วัย 70 ปี ระบุผ่านแพลตฟอร์มเทเลแกรม (Telegram) เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการแสดงให้เห็นว่า พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ของเขาได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร 120 ที่นั่ง ขณะที่พรรคที่สนับสนุนสถาบันอีกพรรค (พรรคฟุนซินเปก) ได้ 5 ที่นั่ง

เท่ากับว่า ฝ่ายของสมเด็จฯ ฮุน เซน สามารถรักษาที่นั่งในสภาล่างได้ทั้งหมด ยืดอายุการเป็นรัฐบาล และปูทางไปสู่การสืบทอดอำนาจให้กับบุตรชายคนโต ฮุน มาเนต ต่อไป

 

 

สมเด็จฯ ฮุน เซน ระบุผ่านโซเชียลมีเดียภายหลังด้วยว่า จำนวนผู้มาใช้สิทธิ 84 เปอร์เซ็นต์ ในการเลือกตั้งเมื่อวานนี้ แสดงให้เห็นว่า ความพยายามของของฝ่ายต่อต้านสุดโต่งที่จะทำลายการเลือกตั้ง ประสบความล้มเหลว

นอกจากนี้ ผู้นำกัมพูชายังกล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังดูว่ามีบัตรเสียจำนวนเท่าใด ซึ่งจำนวนบัตรที่ถูกทำลายเป็นสิ่งที่แสดงถึงการสนับสนุนพรรคแสงเทียน พร้อมกับเตือนผู้ที่ทำบัตรเสียให้มอบตัวกับทางการ ไม่เช่นนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

พรรครัฐบาล “ฮุน เซน” ชนะเลือกตั้งกัมพูชาถล่มทลาย ได้ 125 ที่นั่ง

นักวิจารณ์ตั้งคำถามถึงความชอบธรรมของการเลือกตั้งกัมพูชา

"ฮุน เซน" ยื่นคำขาดหลานชาย เลิกเมียน้อยไม่งั้นโดนปลด

การเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชาครั้งนี้แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เนื่องจากพรรคแสงเทียน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านสำคัญที่ใหญ่พอที่จะเป็นคู่แข่งได้ ถูกตัดสิทธิจากการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะยื่นเอกสารไม่ครบ ตามที่กกต.กล่าวอ้าง

นอกจากนี้ ยังมีความพยายามปราบปรามฝั่งตรงข้ามก่อนการเลือกตั้ง เช่น การแก้กฎหมายเพื่อไม่ให้ผู้มีสิทธิออกเสียงบอยคอตต์การเลือกตั้ง ทำให้เหลือเพียงวิธีเดียวที่ประชาชนจะแสดงการประท้วงขั้วอำนาจเก่าได้ คือ การทำบัตรเสีย

ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ประจำภาคพื้นเอเชีย ระบุว่า "ตั้งแต่วันแรก เป็นไปไม่ได้เลยที่การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นอิสระและยุติธรรม เนื่องจากมีการสืบทอดอำนาจเป็นเดิมพัน และรัฐบาลกัมพูชาคงไม่ยอมเสี่ยง ซึ่งในที่สุด ฮุน เซน ก็สามารถกำจัดประชาธิปไตยที่ยังหลงเหลืออยู่ได้อย่างหมดจด เพื่อสร้างระบอบเผด็จการแบบสืบตระกูล ที่แทบจะถอดแบบจากเกาหลีเหนือ"

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์สได้สัมภาษณ์ประชาชนชาวกัมพูชาในกรุงพนมเปญวันนี้ ส่วนใหญ่บอกว่า พอใจกับผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา

 

 

ภาพจาก AFP