“แพ้เหงื่อตัวเอง” อย่าปล่อยให้เป็นอุปสรรคการใช้ชีวิต ทำอย่างไรให้หายคัน?
การแพ้เหงื่อเป็นอาการหนึ่งของโรคภูมิแพ้ผิวหนัง โดยจะแสดงอาการออกมาในรูปแบบ ผด ผื่น คัน มีผื่นแดงตามร่างกาย ทำให้เกิดปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินกิจวัตรประจำวัน เช่น ออกกำลังกาย ทำงานกลางแจ้ง จึงควรดูแลและป้องกันภูมิแพ้ผิวหนังอย่างถูกวิธี
การแพ้เหงื่อ เป็นหนึ่งของภูมิแพ้ผิวหนังซึ่งสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม โดยมีความเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันร่างกายที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆ ได้มากกว่าปกติ โดยความร้อนเป็นตัวเร่งให้ต่อมเหงื่อในร่างกายขับเหงื่อออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้อุดตันบริเวณต่อมเหงื่อ เกิด ผด ผื่น คัน มีผื่นแดง เกิดอาการแพ้ขึ้นทางผิวหนัง ผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะมีประวัติภายในครอบครัวเป็นภูมิแพ้แบบต่างๆ เช่น หวัดเรื้อรัง แพ้ฝุ่นไข้ละอองฟางหรือหอบหืด ทำให้เกิดปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินกิจวัตรประจำวัน เช่น ออกกำลังกาย ทำงานกลางแจ้ง
“ผิวหนังอักเสบภูมิแพ้” คันจนเป็นตุ่มน้ำเหลือง วิธีการรักษา-ไม่กำเริบ
แพ้ฝุ่น PM2.5 ดูแลตัวเองอย่างไร? เมื่อภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบ
อาการของโรคค่อนข้างจะมีรูปแบบเฉพาะสังเกตได้ง่าย โดยจะมีผิวแห้งและคัน มีผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณของร่างกาย ที่เป็นซอกพับ เช่น ลำคอ ตามข้อพับต่าง ๆ จะมีอาการคันมากขึ้นในช่วงที่เหงื่อออก หรือพบผื่นแดงหรือตุ่มใส ๆ บริเวณผิวหนัง
- ช่วงอายุ 2 เดือน – 2 ปี มีผื่นผิวหนังอักเสบแดงบริเวณแก้ม หน้าผาก เป็นบริเวณที่มีการเสียดสีในช่วงที่เด็กยังคว่ำหรือคลาน แต่บางคนอาจมีเพียงแค่รอยด่างขาว ๆ ที่แก้มเรียกว่า กลากน้ำนม อาการผิวแห้งคันจะกระตุ้นให้เด็กเกา ยิ่งเกาอาการอักเสบยิ่งมากขึ้น จนบางรายอาจมีการติดเชื้อที่ผิวหนังซ้ำ
- ช่วงอายุ 4 - 10 ปี รอยผิวหนังอักเสบจะเลื่อนไปสู่ตำแหน่งของข้อพับบริเวณแขนและขา ข้อพับเข่า ข้อพับข้อศอก ข้อมือ หรือข้อเท้า ผื่นจะเป็นทั้งสองข้างซ้ายขวา แต่ความรุนแรงของการอักเสบอาจไม่เท่ากัน บางรายเป็นตุ่มคันเล็กๆ และเกาจนเยิ้มแฉะ บางรายอาจจะมีผิวหนังที่หนาตัวขึ้นเป็นปื้นและคันมาก พอพ้นช่วงนี้แล้วส่วนใหญ่จะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไป เหลือแต่อาการผิวแห้ง
- ช่วงอายุ 12 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่จะมีอาการผิวแห้ง คันและแพ้ง่าย บางรายมือแตกระแหงจนมีเลือดออกซิบ ๆ และจะแพ้ได้ง่าย ทั้งนี้โรคภูมิแพ้ผิวหนังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดและไม่ติดต่อ แต่สามารถถ่ายทอดไปยังลูกหลานได้ อย่างไรก็ตามอาจลดความรุนแรงของโรคได้
“มะเร็งผิวหนัง” ภัยแสงแดดที่คนไทยไม่ควรมองข้ามหลังแนวโน้มสูงขึ้น
การดูแลและปฏิบัติตนให้ถูกวิธี
- หลีกเลี่ยงสถานที่มีอากาศร้อนอบอ้าว แต่สามารถเล่นกีฬาได้ปกติ
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนจัด หรือเปิดแอร์เย็นจัด
- ระวังความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ
- ควรทำความสะอาดที่นอนและเครื่องนอนอยู่เสมอเพื่อขจัดและป้องกันไรฝุ่น
- อาบน้ำชำระร่างกายบ่อยๆ เช็ดผิวหนังให้แห้งหลังอาบน้ำ แล้วทาโลชันให้ความชุ่มชื้นหรือใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำถูตัวทุกครั้งที่รู้สึกร้อน
- ใช้ยาทาแก้ผดผื่น เช่น คาลาไมน์ และควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหากมีผื่นแดง คันหรืออักเสบ
- อย่าซื้อยาใช้หรือหยุดยาเองในขณะที่ยังไม่หายดี จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผื่นเป็นๆ หายๆ และเรื้อรังยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามหากมีอาการคันหรือผิวหนังอักเสบมาก ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง
ขอบคุณข้อมูลจาก : กระทรวงสาธารณสุข และ สภากาชาดไทย
“ผดผื่นคัน” โรคผิวหนังที่มาพร้อมกับหน้าร้อน เช็กอาการ-วิธีรักษา
10 ประโยชน์ “กากกาแฟ” อย่าเพิ่งทิ้ง! ใช้ต่อได้ดูแลผิวยันงานบ้าน!