ไฟป่าเมาวี ภัยพิบัติธรรมชาติครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์

โดย PPTV Online

เผยแพร่

ขณะนี้ทั่วโลกเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้าย รวมถึงเกาะเมาวี ของสหรัฐฯ ที่กำลังเผชิญกับไฟป่ารุนแรง และถูกยกให้เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐฮาวาย นับตั้งแต่ปี 1960

ไฟป่าที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงได้ทำลายล้างเมืองท่องเที่ยวประวัติศาสตร์อย่างรวดเร็ว และสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง  ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 53 ราย และคาดว่าตัวเลขผู้เคราะห์ร้ายอาจเพิ่มสูงขึ้นอีก 

สภาพความเสียหายบริเวณย่านธุรกิจ บนเกาะเมาวี ในรัฐฮาวายของสหรัฐฯ หลังพื้นที่ดังกล่าวถูกไฟป่าเผาทำลายจนสิ่งปลูกสร้าง ยานพาหนะไหม้เกรียม บางส่วนยังคงมีควันลอยขึ้นเหนือท้องฟ้า 

ไฟป่าโหมแรงบนเกาะฮาวาย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 6 ราย

“ฮาวาย” เผชิญไฟป่าครั้งรุนแรง คร่าแล้ว 55 ชีวิต

ขณะที่ลมกระโชกแรงหอบควันจากไฟป่าที่กำลังโหมกระหน่ำในเมืองลาไฮนา (Lahaina) ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ทางตอนเหนือของเกาะเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

ทั้งนี้ไฟป่าได้เริ่มปะทุขึ้นบนชายฝั่งทางตะวันตกของเกาะเมาวีเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ก่อนทวีความรุนแรงจากกระแสลมกระโชกแรงจากอิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคนดอร่า ที่เคลื่อนตัวพัดผ่านทางตอนใต้ของหมู่เกาะ

ไฟป่าที่โหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องได้ทำลายล้างพื้นที่บนเกาะเมาวี โดยจุดที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุดคือเมืองลาไฮนา ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของรีสอร์ทตากอากาศที่งดงาม และมีรายงานว่าไฟป่าได้เผาทำลายพื้นที่บางส่วนของเมืองคูลา และเมืองคิเฮอิ (Kihei) ด้วย

นอกจากนี้ยังพบว่า ไฟป่าได้ทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอย่างถนนหนทาง ทำให้เหลือถนนทางหลวงเพียงสายเดียวที่ยังสามารถเปิดใช้งานได้ มีอาคารสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับความเสียหาย หรือถูกทำลายไปแล้วกว่า 1,000 หลัง 

ส่วนชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวหลายพันคน ซึ่งเผชิญกับไฟป่าแบบไม่ทันได้ตั้งตัวต่างต้องอพยพหนีตายชุลมุน  บางส่วนกระโดดลงทะเล บางส่วนติดอยู่บนท้องถนน และบางส่วนอพยพหนีไปยังอีกฝั่งหนึ่งของเกาะ

อย่างเช่นชายคนนี้ เป็นหนึ่งในผู้พักอาศัยในเมืองลาไฮนา เขาเล่าว่า ตัวเขาและลูกชายพร้อมด้วยครอบครัวของลูกชายตัดสินใจอพยพออกจากบ้านทันที หลังจากที่กลับบ้านมาแล้วเห็นควันโขม่งในตัวเมือง และตอนเกิดเหตุไม่มีแม้แต่สัญญาณโทรศัพท์และสัญญาณอินเตอร์ในการติดต่อกับโลกภายนอกได้ พวกเขาเพิ่งจะเดินทางถึงอีกฝั่งหนึ่งของเกาะในช่วงเที่ยงคืนของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ขณะที่นักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาพักผ่อนบนเกาะแห่งนี้ต่างผิดหวังไปตามๆกัน เพราะแทนที่จะได้พักผ่อนกับครอบครัว แต่กลับต้องมาหนีตายจากไฟป่า บางส่วนยังติดอยู่บนท้องถนน และบางส่วนยังติดอยู่ที่สนามบิน และไม่สามารถบินกลับบ้านได้

เช่น ชายคนนี้ที่เดินทางมาจากรัฐแคลิฟอร์เนีย พร้อมด้วยภรรยาและลูกอีก 5 คน ได้เล่าประสบการณ์เลวร้ายจากไฟป่าจนเกือบตาย แต่ด้วยสัญชาตญาณความต้องการเอาชีวิตรอด ทำให้เขาต้องทำทุกวิถีทางจนพาครอบครัวผ่านพ้นวิกฤตนี้ และรอดชีวิตมาได้

จากเหตุไฟป่าที่เกิดขึ้น ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 53 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายสิบคน บางส่วนอยู่ในอาการสาหัส ส่วนสถานที่สำคัญต่างๆ ถูกไฟเผาไหม้จนดำเป็นตอตะโก

ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อภัยพิบัติที่เกิดขึ้น พร้อมอนุมัติการประกาศสถานการณ์ภัยพิบัติในรัฐฮาวาย เพื่อเปิดทางส่งความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางไปยังพื้นที่ประสบภัย

โดยจะอนุญาตให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบยื่นขอเงินช่วยเหลือสำหรับที่พักชั่วคราว และการซ่อมแซมบ้าน ตลอดจนอนุญาตให้เจ้าของธุรกิจ ยื่นขอโครงการฟื้นฟูกิจการที่เสียหายจากภัยพิบัติได้

แม้ตอนนี้จะยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากไฟป่าในครั้งนี้ได้ แต่ จอช กรีน (Josh Green) ผู้ว่าการรัฐฮาวายระบุว่า อาจใช้เวลาฟื้นฟูอีกหลายปี เพราะปรากฏการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ถือเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐฮาวาย นับตั้งแต่เกิดคลื่นสึนามิพัดถล่มจนคร่าชีวิตผู้คนไป 61 รายเมื่อปี 1960

ทั้งนี้ไฟป่าที่เกิดขึ้นในรัฐฮาวายถูกจัดให้เป็นเหตุภัยพิบัติไฟป่าที่รุนแรงและคร่าชีวิตผู้คนหลายสิบคน อะไรคือสาเหตุที่นั่นเจอกับภัยพิบัติรุนแรงเช่นนี้

ศาสตราจารย์ เครก คลีเมนต์ส  (Craig Clements) ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศจากมหาวิทยาลัยซาน โฮเซ่ อธิบายว่า เกาะเมาวีเผชิญกับสภาพแห้งแล้ง ทำให้ที่นั่นมีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่ามากกว่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย

นอกจากนี้ยังมีเรื่องสภาพภูมิประเทศบริเวณดังกล่าวเป็นภูเขาสูงชัน ประกอบกับลมแรง ซึ่งตรงนี้เป็นตัวกระตุ้น พัดเปลวไฟที่ลุกโชนกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ รวมถึงพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างรวดเร็วและทำให้เกิดไฟป่ารุนแรงขึ้น

ขณะที่ เอลิซาเบธ พิกเกตต์  (Elizabeth Pickett) ผู้อำนวยการบริหารร่วมขององค์กรจัดการไฟป่ารัฐฮาวาย ระบุว่า อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกาะเมาวีเผชิญไฟป่ารุนแรงคือ หญ้าที่ไม่ใช่พืชพื้นเมืองที่สามารถติดไฟได้รวดเร็วเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเพิ่มระดับความเสี่ยงในการเกิดไฟป่าเช่นเดียวกัน

สถานการณ์ไฟป่ารุนแรงที่เกิดขึ้นในรัฐฮาวายสะท้อนให้เห็นภาพความหายนะที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนของปีนี้ และไฟป่าที่เกิดจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งและร้อนเป็นประวัติการณ์ก็ไม่ได้กระทบเพียงแค่พื้นที่นี้เท่านั้น แต่ยังกระทบส่วนอื่นๆของโลก อย่าง กรีซ สเปน และโปรตุเกสด้วย

Bottom-VNL2025 Bottom-VNL2025

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ