นานาชาติพยายามเรียกร้องให้มีการหยุดยิงด้านมนุษยธรรม เพื่อเปิดทางให้ความช่วยเหลือเข้าไปถึงกาซา และให้ผู้ที่ต้องการออกจากกาซาเดินทางออกมาได้
เมื่อวานนี้ (16 ต.ค.) ชาวปาเลสไตน์และชาวต่างชาติจำนวนมากพากันไปที่จุดผ่านแดนราฟาห์ ด้วยความหวังที่จะข้ามพรมแดนไปยังประเทศอียิปต์ เพื่อหนีตายจากการทิ้งระเบิดใส่ฉนวนกาซาอย่างไม่หยุดหย่อนของอิสราเอล
“ไม่มีความปลอดภัย แม้จะอยู่ที่จุดผ่านแดนแล้ว คุณก็ยังกลัว ระหว่างทางที่มาที่จุดผ่านแดน พวกเขายิงถล่มถนนราฟาห์
GULF เซ็นขายไฟฟ้าให้ กฟภ. นาน 20 ปี มูลค่าโครงการ 3.6 พันล้านบาท
สื่อเผยสาเหตุ "เกลเซอร์" ปัดขาย "แมนยู" ให้ "ชีค ยาสซิม"
และพวกเราก็เริ่มกรีดร้อง เรามาถึงจุดผ่านแดนและคิดว่าปลอดภัยแล้ว แต่ไม่มีที่ไหนปลอดภัยในกาซา ทุกที่ที่เราไป มีแต่ทิ้งระเบิด ทิ้งระเบิด เสียงร้องไห้ กรีดร้อง และเลือด บอกตามตรง เราไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เรามาที่จุดผ่านแดนทั้งที่รู้ว่าพวกเขาจะไม่เปิดทางให้ ไม่มีความช่วยเหลือ ผ่านมา 8 วันแล้ว ผมสาบานได้ว่า ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำ ไม่มีอินเทอร์เน็ต เราติดต่อกันไม่ได้ และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จริงๆ นะ นี่มันไม่ใช่ชีวิต”
แหล่งข่าวหน่วยงานความมั่นคงของอียิปต์ระบุเมื่อวานนี้ว่า อียิปต์ อิสราเอล และสหรัฐอเมริกาได้เห็นพ้องที่จะหยุดยิงทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อสอดรับกับการเปิดจุดผ่านราฟาห์ให้ความช่วยเหลือเข้าไปในกาซา และให้ชาวต่างชาติอพยพออกมาได้
อย่างไรก็ตาม สำนักงานของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ได้ออกแถลงการณ์ว่า “ขณะนี้ยังไม่มีการหยุดยิงหรือการส่งความช่วยเหลือเข้าไปในกาซาเพื่อแลกกับการให้ชาวต่างชาติอพยพออกมา”
แม้จะมีเสียงเรียกร้องต่อเนื่องให้เปิดจุดผ่านแดนดังกล่าว ผู้นำชาติอาหรับหลายประเทศก็กังวลว่าจะเกิดการพลัดถิ่นครั้งใหญ่ของชาวปาเลสไตน์อีกครั้ง เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1948