หลัง BBC เผยคลิปวีดีโอ เเสดงให้เห็นเหตุการณ์ลงโทษวัยรุ่นชาย อายุ 16 ปี 2 คน ฐานแอบดูละครซีรีส์จากเกาหลีใต้ หรือ K-drama โดยทั้งคู่ถูกใส่กุญเเจมือต่อหน้านักเรียนหลายร้อยคนที่สนามกีฬากลางเเจ้ง ซึ่งโทษที่ได้รับคือ ให้ไปใช้เเรงงานหนักเป็นเวลา 12 ปี เป็นสิ่งสะท้อนว่าเกาหลีเหนือมองวัฒนธรรม K-pop ที่โด่งดังไปทั่วโลกว่าเป็นสิ่งต้องห้าม โดยผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน ได้เรียก K-pop ว่าเป็นมะเร็งร้าย ที่กำลังชักจูงคนรุ่นใหม่ในประเทศ ให้เดินไปสู่วิถีทางเเห่งความเสื่อมโทรม
คนเกาหลีเหนือดูซีรียส์ หรือฟังเพลง K-pop จากที่ไหน ทั้งๆที่รัฐบาลปิดกั้นชายเเดน ห้ามนำสินค้าจากเกาหลีใต้เข้ามาขาย เเถมคุมการใช้อินเตอร์เน็ต ที่นั่นประชาชนใช้อินทราเน็ตกัน ไม่มีโซเชียลมีเดียทุกช่อบทางให้เล่น นั่นหมายความว่าประชาชนสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้จำกัดเท่าที่รัฐบาลอนุญาตเท่านั้น เเต่ชาวเกาหลีเหนือเองก็ใช้วิธีสารพัดเพื่อให้ได้ดูสื่อต้องห้ามเหล่านี้
มีรายงานว่าซีรีส์เกาหลีใต้ถูกลักลอบนำเข้ามาครั้งเเรกในรูปเเบบเทปวีดีโอ เเละเเผ่นซีดี ผู้คนก็เอาไปเปิดดูผ่านเครื่องเล่นดีวีดีของตัวเอง เเละยุคนี้ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่เพราะทั้งหนัง ซีรีส์ หรือเพลง ถูกเซฟลงเเฟลชไดร์ฟ หรือ SD การ์ดเเละถูกลักลอบนำเข้าจากจีน ยิ่งทำให้ตรวจจับได้ยากขึ้น จะห้ามยังไงก็ควบคุมไม่หวาดไม่ไหว โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่พบได้เสพเนื้อหาเเบบนี้เเล้วก็ติด อยากดูอีก อยากฟังเพลงใหม่อีก ถึงเเม้จะเสี่ยงถูกจับก็ตาม
ผลสำรวจของสถาบันเพื่อการศึกษาเพื่อสันติภาพเเละการรวมชาติ Institute for Peace and Unification Studies ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล ที่เก็บรวบรวมประชากร 116 คน ที่หนีจากเกาหลีเหนือในช่วงปี 2561 เเละ 62 พบว่าเกือบครึ่งบอกว่า ชมความบันเทิงเกาหลีใต้เป็นประจำตอนอยู่เกาหลีเหนือ
มีการวิเคราะห์ว่า ที่เกาหลีเหนือพยายามควบคุมสื่อจากนอกประเทศ ก็เพราะชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชาติย่ำเเย่ โดยเฉพาะปัญหาความอดอยาก ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือจึงไม่ต้องการให้ประชาชนได้เห็นภาพความเป็นอยู่ที่ดีของชาวเกาหลีใต้ ซึ่งอาจจะทำให้ผู้คนมีมุมมองต่อการใช้ชีวิตที่เเตกต่างออกไป เเละจะเป็นการยากในการควบคุม
เมื่อห้ามปรามยากขึ้น เกาหลีเหนือก็เลยออกกฏหมายใหม่ซะเลยในปี 2021 เพิ่มบทลงโทษที่รุนเเรงกับผู้ที่ลักลอบนำเข้า เเละครอบครองสื่อรูปเเบบต่างๆ ที่มาจากต่างชาติ ไม่เฉพาะเกาหลีใต้ เเต่รวมถึงสื่อจากสหรัฐฯ เเละญี่ปุ่น ต้องรับโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต ส่วนคนที่แอบดูสื่อเหล่านี้จะถูกส่งเข้าค่ายกักกันเป็นเวลา 15 ปี ถึงเเม้จะเเค่พูด เขียน หรือร้องเพลงเกาหลีใต้ก็จะถูกส่งตัวใช้เเรงงานเเล้ว
การออกกฏหมายของเกาหลีเหนือ ไม่ใช่เพื่อขู่ให้ประชนกลัวเท่านั้น เเต่ทางการมีการตัดสินโทษจริง โดยเคสเเรกคือปี 2021 ช่วงที่ซีรีส์ Squid Game ดังๆ ทางการเกาหลีเหนือได้ตัดสินประหารชีวิตผู้ชายที่ลักลอบนำเข้าเเฟลชไดร์ฟที่โหลดซีรีส์เรื่องนี้จากจีนเเละนำไปขาย หลังจากที่ทางการไปจับเด็กมัธยม 7 คนขณะดูซีรีส์กันอยู่ ส่วนนักเรียน ที่เป็นคนซื้อเเฟลชไดร์ฟถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ในขณะที่เพื่อนอีก 6 คน ต้องไปใช้เเรงงานหนัก 5 ปี โรงเรียนเองก็ไม่รอด ผู้บริหารเเละครูถูกไล่ออกเเละเนรเทศ
ชอย คยอง ฮุย ประธานองค์กรเพื่อการพัฒนาเกาหลีเหนือเเละใต้ เชื่อว่า เด็กรุ่นใหม่ในเกาหลีเหนือเริ่มมีมุมมองต่อการใข้ชีวิตที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะ Gen Z เเละคนยุคมิลเลนเนียล นี่คือกลุ่มคนที่กำลังสร้างความปวดหัวให้กับคิม จอง อึน อย่างมาก รัฐบาลจึงพยายามทำทุกวิธีเพื่อปรับทัศนคติให้คนกลุ่มนี้กลับมายึดมั่นในเเนวทางเเบบเกาหลีเหนืออีกครั้ง
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศที่มีเสรีภาพต่ำมากที่สุดในโลก จากการจัดอันดับขององค์กรสื่อไร้พรมเเดน (RSF) เมื่อปี 2023 โดยพิจารณาจากการเผยเเพร่เนื้อหาในลักษณะโฆษณาชวนเชื่อ เเละเสรีภาพของสื่อสารมวลชน เเต่ถึงเเม้กฏหมายจะรุนเเรงขนาดนี้ เชื่อว่าก็ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยยอมเสี่ยงเพื่อให้ได้เสพสื่อบันเทิง เพราะโลกหมุนเร็วเกินกว่าที่รัฐบาลจะควบคุมไหว
“นาตาลี เกลโบว่า” เปิดใจครั้งแรก เลิกสามีเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เผยเรื่องยากที่สุดในชีวิต
ผลบอลเอเชียน คัพ 2023 เกาหลีใต้ ควง จอร์แดน เข้ารอบ 4 ทีมสุดท้าย
ฟังความเห็น ‘จตุพร พรหมพันธุ์’ มองก้าวไกล หากถูกยุบจะยิ่งเติบโต