สถานการณ์การสู้รบในยูเครนขณะนี้มีแนวโน้มดุเดือดมากขึ้นโดยเฉพาะแนวรบใหม่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งล่าสุดรัสเซียอ้างว่ายึดได้ถึง 5 หมู่บ้าน หลังเปิดฉากจู่โจมภูมิภาคแห่งนี้เมื่อวันศุุกร์ที่ผ่านมา
ขณะที่สหรัฐฯ คาดว่ารัสเซียกำลังเตรียมการบุกจู่โจมครั้งใหญ่เมืองคาร์คีฟ เมืองเอกของภูมิภาคดังกล่าว ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยูเครน รองจากรุงเคียฟ
กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า กองทัพสามารถบุกยึดหมู่บ้านในภูมิภาคคาร์คิฟได้ 5 แห่ง ประกอบไปด้วยบอริซิฟกา (Borysivka) โอเกิร์ตซีฟ (Ogirtseve) เพลเทนิฟกา (Pletenivka) พิลนา (Pylna) และ สตริเลชา (Strilecha) รวมทั้งอีก 1 หมู่บ้านในภูมิภาคโดเน็ตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน
แม้เจ้าหน้าที่ยูเครนยังไม่ยืนยันข้ออ้างดังกล่าว แต่สื่อมวลชนในประเทศรายงานว่ามีหมู่บ้านอย่างน้อย 4 แห่งในภูมิภาคคาร์คีฟที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพรัสเซียหลังเปิดฉากปฏิบัติการรุกคืบพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน
ขณะที่ ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ระบุว่าภารกิจสำคัญที่สุดในขณะนี้คือการขัดขวางแผนรุกคืบของรัสเซีย โดยทหารยูเครนยังคงตอบโต้กับกองกำลังรัสเซียในหมู่บ้านตามแนวชายแดนของภูมิภาคคาร์คีฟ
นอกจากนี้ ประธานาธิบดี เซเลนสกี ยังเรียกร้องประเทศพันธมิตรตะวันตกเร่งส่งความช่วยเหลือด้านการทหารให้แก่ยูเครน โดยเฉพาะระบบป้องกันภัยทางอากาศ และขีปนาวุธ เพื่อช่วยปกป้องชีวิตพลเรือนและทหารที่กำลังต่อสู้ในแนวหน้าของการสู้รบ
ด้านนาย โอเล็ก ไซเนกูบอฟ (Oleg Synegubov) ผู้ว่าการภูมิภาคคาร์คีฟเปิดเผยว่าการยิงปะทะกันอย่างดุเดือดตามแนวชายแดนทำให้มีชาวบ้านอพยพออกจากชุมชนของตนเองแล้ว 1,775 คน แต่ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้เมืองคาร์คีฟ เมืองเอกของภูมิภาคและเมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครน ยังไม่เผชิญภัยคุกคามจากการรุกรานของกองกำลังภาคพื้นดินรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม จอห์น เคอร์บี โฆษกด้านความมั่นคงประจำทำเนียบขาวของสหรัฐแสดงความวิตกว่ารัสเซียอาจกำลังเตรียมความพร้อมบุกจู่โจมครั้งใหญ่เมืองคาร์คีฟ
ขณะเดียวกันในวันศุกร์ รัฐบาลสหรัฐฯประกาศให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนอีก 400 ล้านดอลลลาร์ หรือเกือบ 15,000 ล้านบาท พร้อมอนุมัติการขายระบบยิงขีปนาวุธ "ไฮมาร์ส" (HIMARS) 3 ชุดมูลค่า 30 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,100 ล้านบาท ให้แก่เยอรมนี เพื่อส่งต่อไปให้ยูเครน