“คลอเดีย เชนบาม” สร้างประวัติศาสตร์ ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเม็กซิโก

วันที่ 3 มิ.ย. การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของเม็กซิโกดูเหมือนจะมาถึงปลายทางแล้ว เมื่อผลการนับคะแนนเบื้องต้นโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งเม็กซิโกออกมาแล้วว่า “คลอเดีย เชนบาม” (Claudia Sheinbaum) ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเม็กซิโก ด้วยคะแนนเสียงอย่างน้อย 58.3%

เชนบาม ปัจจุบันอายุ 61 ปี เป็นอดีตนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศ จากพรรคโมเรนา (MORENA) พรรคฝ่ายซ้ายซึ่งเป็นพรรคเดียวกับ อันเดรส มานูเอล โลเวซ โอบราดอร์ ประธานาธิบดีที่เพิ่งหมดวาระไป

AFP/CARL DE SOUZA

เชนบามเคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการฝ่ายสิ่งแวดล้อมกรุงเม็กซิโกซิตี เมืองหลวงของประเทศ ต่อมาเป็นนายกเทศมนตรีเขตทลัลปัน (Tlalpan) ของเม็กซิโกซิตี ซึ่งเป็นเขตที่พื้นที่มากกว่า 80% เป็นป่าอนุรักษ์และเขตอ่อนไหวทางสิ่งแวดล้อม หลังจากนั้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเม็กซิโกซิตีระหว่างปี 2018-2023

ขณะที่คู่แข่งของเธออย่าง ซอชิตล์ กัลเวซ จากพรรคฝ่ายค้าน National Action Party ได้รับคะแนนเสียงอย่างน้อย 26.6% ในขณะที่ ฮอร์เก อัลวาเรศ ไมเนซ จากพรรค Movimiento Ciudadano ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 3 ด้วยคะแนนเสียงอย่างน้อย 9.9%

คะแนนเสียงของเชนบามเหนือเมื่อครั้งโอบราดอร์คว้าชัยในปี 2018 เสียชอีก โดยครั้งนั้นเขาได้คะแนนเสียง 54.71%

เชนบามบอกว่า ทั้งกัลเวซและไนเนซได้โทรศัพท์มาหาเธอแล้ว “เราจินตนาการถึงเม็กซิโกที่มีความเป็นพหุ มีความหลากหลาย และเป็นประชาธิปไตย หน้าที่ของเราคือการดูแลชาวเม็กซิกันทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยก”

เธอเสริมว่า “แม้ว่าชาวเม็กซิกันจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับโครงการของเรา แต่เราจะต้องก้าวเดินไปด้วยความสงบและความสามัคคีเพื่อสร้างเม็กซิโกที่ยุติธรรมและเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นต่อไป”

เชนบามบอกอีกว่า “ฉันอยากจะขอบคุณชาวเม็กซิโกสำหรับการยอมรับประวัติศาสตร์ ผลลัพธ์ ความเชื่อมั่น และความตั้งใจของเรา แต่เหนือสิ่งอื่นใดสำหรับการยอมรับโครงการระดับชาติของเรา ฉันยังรู้สึกขอบคุณเพราะเป็นครั้งแรกในรอบ 200 ปีของสาธารณรัฐ ที่ฉันจะกลายเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเม็กซิโก”

ด้านโอบราดอร์โพสต์แสดงความยินดีว่า “ผมขอแสดงความยินดีกับ คลอเดีย เชนบาม ที่ได้รับชัยชนะด้วยระยะห่างที่กว้าง เธอจะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเม็กซิโกในรอบ 200 ปี … และเธออาจเป็นประธานาธิบดีที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ทั้งหมดของประเทศของเราด้วย”

ทั้งนี้ การนับคะแนนเสียงโหวตประธานาธิบดีเม็กซิโกที่ติดขัดล่าช้าหลายครั้งโดยไม่มีคำอธิบายจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทำให้กัลเวซสงสัยเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของมัน

นอกจากนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการเลือกตั้งที่มีความรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของเม็กซิโก โดยมีผู้สมัครตำแหน่งทางการเมืองอื่น ๆ ถูกสังหารไปแล้วกว่า 30 ราย และอีกหลายร้อยคนหลุดออกจากตำแหน่ง เนื่องจากกลุ่มอาชญากรต่างแย่งชิงตำแหน่งทางการเมือง

เชนบามให้คำมั่นว่าจะสานต่อนโยบายของโอบราดอร์ต่อไป รวมถึงการสนับสนุนเงินให้กับผู้สูงอายุและแม่เลี้ยงเดี่ยว และโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในภูมิภาคที่ยากจนในอดีต รวมถึงจะยังขยายบทบาทอย่างมหาศาลสำหรับกองทัพในพื้นที่ที่โดยทั่วไปสงวนไว้สำหรับภาคประชาสังคม เช่น ความมั่นคงภายในประเทศ

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีคนใหม่จะต้องเผชิญกับการเจรจาที่ตึงเครียดกับทำเนียบขาวเกี่ยวกับกระแสผู้อพยพที่มุ่งหน้าสู่สหรัฐฯ จำนวนมากที่หนีข้ามไปจากเม็กซิโก และความร่วมมือด้านความมั่นคงในเรื่องการค้ายาเสพติดในช่วงเวลาที่การแพร่ระบาดของเฟนทานิลในสหรัฐฯ กำลังเข้าขั้นวิกฤต

เจ้าหน้าที่เม็กซิโกคาดว่า การเจรจาเหล่านี้จะยากขึ้นหาก โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนการเลือกตั้งเดือน พ.ย. 2024 เพราะทรัมป์ได้ให้คำมั่นที่จะกำหนดอัตราภาษีรถยนต์จีนที่ผลิตในเม็กซิโก 100% และกล่าวว่าเขาจะระดมกองกำลังพิเศษเพื่อต่อสู้กับกลุ่มค้ายาอย่างเด็ดขาด

 

เรียบเรียงจาก The Guardian