อย่างไรก็ดี เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว อาร์เจนตินาได้ประธานาธิบดีคนใหม่ซึ่งมีนโยบายที่จะสู้กับอัตราเงินเฟ้อในประเทศ ตอนนี้ผ่านมาแล้วกว่า 6 เดือน อาร์เจนตินามีอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็แลกมากับการที่ผู้คนหาเช้ากินค่ำต้องยากจนกว่าเดิม
สำนักข่าว DW ของเยอรมนีรายงานว่า อาร์เจนตินา ภายใต้การบริหารของ ฮาเวียร์ มิเล ประธานาธิบดีพรรคประชานิยมฝ่ายขวา ประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นปัญหาที่บ่อนทำลายเศรษฐกิจของอาร์เจนตินามาอย่างยาวนาน
โดยอัตราเงินเฟ้อของอาร์เจนตินาในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ร้อยละ 4.2 ซึ่งลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หากเทียบกับอัตราเงินเฟ้อเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2023 หรือครึ่งปีที่แล้ว ที่อยู่ที่ร้อยละ 25
อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงในอาร์เจนตินาเป็นผลมาจากการรัดเข็มขัดทางการเงินและการรักษานโยบายการคลังอย่างเข้มงวดภายใต้มาตรการที่เรียกว่า shock therapy มาตรการนี้ทำให้รัฐบาลตัดงบประมาณต่างๆ ที่ไม่จำเป็นของภาครัฐ เช่น การยุบบางกระทรวง จาก 18 กระทรวง เหลือเพียง 9 กระทรวง รวมถึงการประกาศลดค่าเงินเปโซของประเทศลงร้อยละ 50
อย่างไรก็ดี การประกาศลดค่าเงินเปโซลงเพื่อสู้กับเงินเฟ้อ ทำให้ประชาชนคนธรรมดาในอาร์เจนตินาเผชิญกับความยากจนมากกว่าเดิม เพราะการลดค่าเงินทำให้มูลค่าเงินที่มีลดลง แต่การนำเข้าสินค้าต่างๆ จะมีราคาแพงขึ้นกว่าเดิม
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคทอลิกในกรุงบัวโนสไอเรส เปิดเผยว่า การลดค่าเงินเปโซของประธานาธิบดีมิเล เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราความยากจนในอาร์เจนตินาเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 45 เป็นร้อยละ 57 ซึ่งถือว่าสูงสุดที่สุดในรอบ 20 ปี
หรือหากประเมินเป็นจำนวนประชากร จะเท่ากับว่ามีชาวอาร์เจนตินากว่า 27 ล้านคนอยู่ภายใต้เส้นความยากจน ซึ่งเป็นจุดที่ใช้ประเมินความยากจนของประชาชนทั่วโลก