บทสัมภาษณ์ อดีตประธานาธิบดี ทรัมป์ ซึ่งมีขึ้นตั้งแต่ 25 มิ.ย. แต่เพิ่งถูกนำมาตีพิมพ์ในนิตยสาร Bloomberg Businessweek เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ระบุว่า ตัวเขารู้จักคนไต้หวันดี และเคารพคนเหล่านั้นมาก พวกเขาได้ธุรกิจชิปของเราไป 100% ฉะนั้น อย่างน้อยไต้หวันก็ควรจ่ายเงินให้สหรัฐฯ เป็นค่าจัดหาอุปกรณ์ป้องกันตนเอง เพราะตอนนี้ สหรัฐฯ มีสภาพไม่ต่างจากบริษัทประกันภัย แต่ไต้หวันไม่ได้ให้อะไรแลกเปลี่ยนกับเราเลย
บทสัมภาษณ์ของทรัมป์ ทำให้หุ้นของบริษัท TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่สุดของโลก ที่นำไปใช้ในสินค้าเกือบทุกอย่าง ไล่ตั้งแต่ชิปที่ใช้ในโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ สมาร์ทโฟน และเครื่องบินขับไล่ ปรับตัวลดลงมากกว่า 2% ในการซื้อขายช่วงเช้า
เช่นเดียวกับหุ้นจีนที่ตัวลดลงเช่นกัน ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นว่าหากทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี ก็อาจสร้างอุปสรรคทางการค้าให้กับปักกิ่งมากขึ้น โดยในช่วงปลายปี 2010 รัฐบาลทรัมป์ใช้นโยบายกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีน
ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกาถือเป็นผู้สนับสนุนที่มีความสำคัญที่สุดของไต้หวัน และเป็นผู้จัดการอาวุธยุทโธปกรณ์รายใหญ่ แต่ปัจจุบัน สหรัฐฯ และไต้หวัน ยังไม่เคยมีข้อตกลงทางทหารระหว่างกัน
แต่ตามกฎหมาย สหรัฐฯ มีพันธสัญญาที่จะจัดหาวิธีให้ไต้หวันใช้ป้องกันตนเอง หากรัฐบาลปักกิ่งตัดสินใจจะรวมชาติจีนด้วยกำลัง
ล่าสุด นายกรัฐมนตรี โช จุง ไท่ ของไต้หวัน ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับบทสัมภาษณ์ของทรัมป์ โดยบอกว่า ไต้หวันเองก็ยินดีที่จะแบกรับภาระในการป้องกันตนเองมากขึ้น และมีการเพิ่มงบกลาโหมอย่างต่อเนื่อง
ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา จีนใช้มาตรการกดดันทั้งทางการทูต การทหาร และเศรษฐกิจต่อไต้หวันอย่างหนักหน่วง หวังให้ไต้หวันยอมสยบอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลปักกิ่ง โดยเฉพาะการส่งเครื่องบินเข้าไปรุกล้ำน่านฟ้าไต้หวันอยู่บ่อยครั้ง ส่วนหุ้นในภาพรวมของตลาดไต้หวัน ร่วงลง 0.4%
"ยางู หมายเลข 7" สมุนไพรไทยที่ชาวเวียดนามนิยม
รวมชุดทีมชาติเข้าร่วมทำศึกโอลิมปิก ปารีสเกมส์ 2024
แจ๊ส ชวนชื่น บุกรวบ สารวัตรแจ๊ะ ถึงสืบนครบาล ตั้งข้อหาหนักจนเป็นไวรัล