จากกรณีที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน ได้บรรลุข้อตกลงกับ คาลิด ชีค โมฮัมเหม็ด, วาลิด มูฮัมหมัด ซาลิห์ มูบารัค บิน อัตตาช และมุสตาฟา อาห์เหม็ด อาดัม อัล-ฮาวซาวี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาฐานวางแผนก่อเหตุโจมตี 9/11 โดยให้ทั้งสามรับสารภาพความผิดแลกกับการไม่ต้องรับโทษประหารชีวิต
พวกเขาถูกคุมขังอยู่ที่ฐานทัพเรือสหรัฐฯ ในอ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา มาเป็นเวลานานหลายปีโดยไม่ขึ้นศาล
ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ส.ค. ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งเพิกถอนข้อตกลงดังกล่าวกะทันหัน และสั่งปลดผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบข้อตกลงเพื่อยุติคดีดังกล่าว
ในบันทึกข้อความ ออสตินกล่าวว่า ความรับผิดชอบสำหรับการตัดสินใจครั้งสำคัญเช่นนี้ “ควรเป็นของผม”
โดยบันทึกข้อความดังกล่าวส่งถึง ซูซาน เอสคาลิเยร์ ผู้มีอำนาจจัดประชุมคณะกรรมาธิการทหารที่ดำเนินการศาลทหารที่อ่าวกวนตานาโม ระบุว่า รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ จะถอนอำนาจในคดีดังกล่าวทันที และสงวนอำนาจดังกล่าวไว้สำหรับตัวเขาเองเท่านั้น
ทั้งนี้ ดีลนี้เกิดจากการที่อัยการในคดีได้หารือกันถึงความเป็นไปได้ของข้อตกลงรับสารภาพมานานกว่า 2 ปี เพื่อหลีกเลี่ยงการพิจารณาคดีซึ่งอาจมีความซับซ้อนจากคำถามเกี่ยวกับ “หลักฐานที่ได้มาจากการทรมาน”
หลังจากเริ่มการเจรจาในเดือน มี.ค. 2022 กลาโหมและผู้ต้องหาทั้งสามบรรลุข้อตกลงที่จะทำให้พวกเขาถูกตัดสินแค่โทษจำคุก โดยแลกกับการรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา รวมทั้งสมคบคิดและสังหารบุคคล 2,976 คน
ในปี 2008 โมฮัมเหม็ดถูกตั้งข้อหาหลายกระทง รวมทั้งสมคบคิด ฆาตกรรมที่ฝ่าฝืนกฎหมายสงคราม ทำร้ายพลเรือน ทำร้ายทรัพย์สินของพลเรือน ทำร้ายร่างกายผู้อื่นอย่างร้ายแรงโดยเจตนา ทำลายทรัพย์สินที่ฝ่าฝืนกฎหมายสงคราม และการก่อการร้ายและการสนับสนุนการก่อการร้ายในทางวัตถุ ซึ่งก่อนหน้านี้สหรัฐฯ กล่าวว่าจะขอให้ลงโทษประหารชีวิตโมฮัมเหม็ด
แต่การพิจารณาคดีต่อโมฮัมเหม็ดและผู้สมรู้ร่วมคิดของเขาถูกเลื่อนออกไปหลายปี เนื่องจากสหรัฐฯ พยายามหาทางจัดการกับปัญหาการทรมานโมฮัมเหม็ดและคนอื่น ๆ ในเรือนจำลับของซีไอเอในช่วงทศวรรษ 2000
อย่างไรก็ดี ข้อตกลงรับสารภาพแลกไม่ถูกประหารนี้ทำให้เกิดการตอบโต้อย่างรุนแรง ทั้งจากพรรครีพับลิกันและเมโมแครต รวมถึงกลุ่มที่เป็นตัวแทนของเหยื่อ 9/11
เบรตต์ อีเกิลสัน ประธาน 9/11 Justice ซึ่งเป็นองค์กรที่เป็นตัวแทนของผู้รอดชีวิตจาก 9/11 และสมาชิกในครอบครัวของเหยื่อ กล่าวในแถลงการณ์หลังจากการประกาศครั้งแรกว่า “แม้ว่าเราจะรับทราบการตัดสินใจที่จะหลีกเลี่ยงโทษประหารชีวิต แต่ความกังวลหลักของเรายังคงเป็นการเข้าถึงข้อมูลของบุคคลเหล่านี้ ข้อตกลงรับสารภาพไม่ควรทำให้เกิดระบบข้อตกลงแบบลับ ๆ ซึ่งข้อมูลสำคัญถูกปกปิดไว้โดยไม่ให้ครอบครัวของเหยื่อมีโอกาสได้ทราบความจริงทั้งหมด”
ด้านวุฒิสมาชิก ริชาร์ด บลูเมนธัล จากรัฐคอนเนตทิคัต ซึ่งเป็นตัวแทนของครอบครัวเหยื่อจากเหตุการณ์ 9/11 กล่าวว่า เขากังวลเกี่ยวกับข้อตกลงรับสารภาพ และกล่าวว่ารัฐบาลควรอธิบายข้อตกลงดังกล่าวแก่ชาวอเมริกันอย่างโปร่งใส
“ผมคิดว่ามีผลประโยชน์บางอย่างที่อาจไม่ได้รับการนำเสนออย่างยุติธรรมและเข้มแข็งเท่าที่ควร ... เมื่อเราต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายและควบคุมตัวพวกเขาไว้ เราต้องให้พวกเขาต้องรับผิดด้วยการลงโทษที่เหมาะสมอย่างแท้จริง” บลูเมนธัลกล่าว
ขณะที่วุฒิสมาชิก ลินด์เซย์ เกรแฮม จากพรรครีพับลิกัน รัฐเซาท์แคโรไลนา เตือนว่า ข้อตกลงรับสารภาพ “ส่งสัญญาณที่เลวร้ายมากในช่วงเวลาที่อันตรายมาก”
เขาบอกว่า “โลกกำลังลุกไหม้ การก่อการร้ายระบาด และเราเสนอข้อตกลงรับสารภาพให้กับผู้วางแผนเหตุการณ์ 9/11 งั้นหรือ? นั่นมีแต่จะกระตุ้นให้เกิดการโจมตีมากขึ้นเท่านั้น”
ทั้งนี้ ความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จะนำผู้ต้องหาในเหตุการณ์ 9/11 และบุคคลอื่น ๆ ที่ถูกคุมขังในเรือนจำกวนตานาโมมาสู่กระบวนการยุติธรรมนั้นถูกขัดขวางด้วยอุปสรรคทางกฎหมายและการเมืองที่กินเวลานานหลายสมัยนับตั้งแต่ จอร์จ ดับเบิลยู บุช
เรียบเรียงจาก CNN