กระทรวงกลาโหมเบลารุสประกาศว่ากำลังจัดส่งกองกำลังยานยนต์ที่่รวมถึงรถถังหลักจากยุคสหภาพโซเวียตไปยังภูมิภาคโก-เมล (Gomel) และภูมิภาคโม-เซียร์ (Mozyr) ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งเป็นพรมแดนด้านที่ติดกับภาคเหนือของยูเครน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก ประธานาธิบดี อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ผู้นำเบลารุสเปิดเผยว่ากองทัพได้ทำลายโดรนยูเครนหลายลำที่บินรุกล้ำน่านฟ้าทั้งของเบลารุสและรัสเซีย ทำให้ต้องเพิ่มกำลังทำทหารใกล้พรมแดนยูเครน
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศเบลารุสยืนยันพร้อมจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องดินแดนของตัวเองและอาจพิจารณาส่งปิดสถานเอกอักราชทูตยูเครนในกรุงมินสก์ หากการยั่วยุยังเกิดขึ้นอีก
ส่วนความคืบหน้าปฏิบัติการของกองทัพยูเครนที่ส่งกำลังทหารจู่โจมข้ามพรมแดนภูมิภาคเคิร์สก์ในรัสเซีย เมื่อวานนี้กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ยืนยันว่ากองทัพ สาสามารถยังยั้ง การเคลื่อนกำลังของทหารยูเครนได้ในหลายจุด ให้อยู่ไม่เกิน 30 กิโลเมตรจากแนวพรมแดน
กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ยังเปิดเผยด้วยว่า ได้ยิงสกัดโดรนจำนวน 35 ที่ยูเครนส่งมาในช่วงระหว่าางวันเสาร์และวันอาทิตย์หน้าตกเหนือน่านฟ้าภูมิภาคเคิร์สก โวโรเนช เบลกรอด บริแยงสก์ และโอร์โยล
โดยผู้ว่าการภูมิภาคเคิร์สก์กล่าวว่า มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 15 คนจากการชิ้นส่วนขีปนาวุธของยูเครนที่ระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศรัสเซียยิงตกและหล่นเข้าใส่อาคารที่พักอาศัยแห่งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม กองทัพยูเครนยืนยันว่ายึดหมู่บ้านในภูมิภาคเคิร์สก์ได้หลายแห่ง รวมถึงหมู่บ้านกูเอโว (Guevo) ของรัสเซีย ซึ่งห่างจากแนวพรมแดนพียง 3 กม.
ขณะที่ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกีผู้นำยูเครนเปิดเผยว่าทหารรัสเซียได้จุดไฟภายในบริเวณโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ "ซาโปริสเซีย" ซึ่งเป็นพื้นที่ยึดครองของกองทัพรัสเซีย
โดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเมืองนิโคโพล (Nikopol)ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับเมืองซาโปริสเซีย ระบุว่าได้รับข้อมูล อย่างไม่เป็นทางการที่แจ้งว่าทหารรัสเซียได้เผายางรถยนต์จำนวนมากในหอระบายความร้อน
ด้านหน่วยงานกำกับดูแลพลังงานนิวเคลียร์ของสหประชาชาติกล่าวว่าผู้เชี่ยวชาญในสังกัดได้สังเกตุเห็นกลุ่มควันหนาทึบลอยมาจากทางทิศเหนือของโรงงานไฟฟ้าซาโปริสเซีย" หลังเกิดเหุระเบิดหลายครั้งในวันอาทิตย์