เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา “โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี” ผู้นำยูเครน เปิดเผยในแถลงประจำวันว่า กองทัพยูเครนกำลังสู้รบอยู่ในสมรภูมิใหม่ บริเวณเมืองชายแดนของรัสเซีย พร้อมย้ำว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเรียกคืนความยุติธรรมให้กับประเทศ หลังจากที่ถูกกองทัพรัสเซียรุกราน เมื่อปี 2022
ผู้นำยูเครนกล่าวว่า "วันนี้ ผมได้รับรายงานหลายครั้งจากผู้บัญชาการทหารซีร์สกี เกี่ยวกับเรื่องแนวหน้าและปฏิบัติการเพื่อผลักดันสงครามเข้าไปในดินแดนของศัตรู"
"ผมขอบคุณกำลังทหารทุกหน่วยที่กำลังปฏิบัติหน้าที่นั้น ยูเครนกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าเราเรียกคืนความยุติธรรมและกดดันศัตรูตามที่จำเป็นได้"
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีเซเลนสกี ออกมายอมรับและพูดถึงปฏิบัติการนี้โดยตรง หลังจากที่กองทัพยูเครนเริ่มเปิดปฏิบัติการโจมตีภูมิภาคดังกล่าวเมื่อ 5 วัน สร้างความประหลาดใจให้กับรัสเซีย และทำให้ทางการท้องถิ่นต้องสั่งอพยพประชาชนเป็นการด่วน
รายงานระบุว่า ทหารยูเครนบุกลึกเข้าไป 20 กิโลเมตรจากบริเวณชายแดน ซึ่งถือเป็นการรุกคืบเข้าไปในแผ่นดินรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มเปิดปฏิบัติการทางทหารต่อยูเครน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022
โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 สิงหาคมผ่านมา มีรายงานว่า มีชาวรัสเซียบาดเจ็บจากเหตุโจมตีในภูมิภาคเคิร์สก์อีกอย่างน้อย 13 คน ในจำนวนนี้ 2 คน บาดเจ็บสาหัส
จากการเปิดเผยของสื่อรัสเซีย ขณะนี้มีประชาชนมากกว่า 76,000 คน ได้รับการอพยพออกจากพื้นที่ชายแดน เดินทางไปถึงศูนย์พักพิง ซึ่งอยู่ห่างจากพื้นที่ดังกล่าวไปทางตอนเหนือ 140 กิโลเมตรแล้ว
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา รัสเซียประกาศใช้ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย ครอบคลุมพื้นที่ชายแดน 3 แห่ง เพื่อรับมือกับเหตุโจมตีข้ามแดนจากยูเครน ขณะที่เบลารุส ซึ่งเป็นพันธมิตรของรัสเซีย ได้ส่งกำลังทหารเพิ่มเติมไปยังชายแดนที่ติดกับยูเครน
ส่วนบรรยากาศที่กรุงเคียฟ และภูมิภาคซูมีของยูเครน เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ก็ตกเป็นเป้าของการโจมตีทางอากาศโดยรัสเซีย โดยกรุงเคียฟมีรายงานว่าจรวดตกใส่บ้านหลังหนึ่ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน ได้แก่ ชายวัย 35 ปี และลูกชายวัย 4 ขวบ นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 3 คน ซึ่งมีเด็กอายุ 13 ปี รวมอยู่ด้วย
ด้านนายวิตาลี คลิทช์โก นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ ก็ได้ออกโรงเตือนให้ประชาชนอยู่แต่ในที่หลบภัย