วันที่ 20 ก.ย. กองทัพอิสราเอล ยืนยันว่า ได้สังหาร อิบราฮิม อาคิล (Ibrahim Aqil ) ผู้บัญชาการระดับสูงของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ และผู้บัญชาการอาวุโสอื่นๆ ของหน่วยรบพิเศษที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน หลังเดินหน้าโจมตีทางอากาศถล่มพื้นที่ทางตอนใต้ของกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน
พล.ร.ต. แดเนียล ฮาการี โฆษกกองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล (IDF) อ้างว่า บุคคลที่ถูกสังหารกำลังวาง และตั้งใจแทรกซึมเข้าไปในชุมชนอิสราเอลและสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์
ขณะที่ทางกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ก็ออกมายืนนยันภายหลังเช่นกันว่า ผู้บัญชาการระดับสูงของกลุ่มได้เสียชีวิตลงแล้ว และ อิบราฮิม อาคิล ก็เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของกลุ่มที่ถูกสังหารจากการโจมตีในครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้ อิบราฮิม อาคิล หรือรู้จักกันในชื่อว่า ทาห์ซิน เป็นหนึ่งในคนที่รัฐบาลสหรัฐฯต้องการตัว และเสนอเงินรางวัลแก่ผู้ใดก็ตามที่มีข้อมูลที่สามารถนำไปสู่การระบุตัวตน สถานที่ ในการจับกุมเพื่อพิพากษาลงโทษได้
ทางการสหรัฐฯต้องการตัวอิบราฮิม อาคิล เนื่องจากเขามีความสัมพันธ์และมีความอาวุโสอย่างมาของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่อิสราเอล สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ ประกาศว่าเป็นองค์กรก่อการร้าย
โดยในช่วงในช่วงทศวรรษ 1980 อาคิลเป็นสมาชิกของกลุ่มที่วางแผนวางระเบิดสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเบรุต และค่ายทหารนาวิกโยธิน ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปหลายร้อยคน
สำหรับการโจมตีล่าสุดของอิสราเอลได้สร้างความเสียหายให้กับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์อีกครั้ง โดยจากเหตุการณ์ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 14 คน และบาดเจ็บอย่างน้อย 66 คน ขณะที่อาคารสิ่งปลูกสร้างต่างๆ รวมถึงถนนหนทางได้รับความเสียหายอย่างหนัก
การโจมตีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาถือเป็นครั้งแรกที่เกิดการโจมตีขึ้นในกรุงเบรุต นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นฟูอัด ชูกร์ ผู้บัญชาการระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ถูกสังหารจากการโจมตี
ส่วนก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เองก็ได้เปิดฉากโจมตีพื้นที่ทหารทางตอนเหนือของอิสราเอลเช่นเดียวกัน โดยระบุว่า มีการยิงจรวด 140 ไปทางตอนเหนือของอิสราเอล จนสร้างความเสียหายให้กับถนนหนทางในพื้นที่
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดขึ้น หลังเกิดเหตุโจมตีแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อต้นสัปดาห์ที่มา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุระเบิดวิทยุสื่อสารและเพจเจอร์ทั่วเลบานอนเป็น 2 วัน โดยจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตกว่า 37คน และบาดเจ็บอีกนับพันคน และการโจมตีดังกล่าวหลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล
ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของเลบานอนได้ประณามการกระทำดังกล่าวที่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่พลเรือนว่า เป็นอาชญากรรมสงคราม
การต่อสู้ข้ามพรมแดนระหว่างอิสราเอล และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์รุนแรงมากขึ้น นับตั้งแต่ 8 ต.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งเกิดขึ้นเพียงหนึ่้งวันหลังจากที่อิสราเอลโจมตีตอบโต้กลับกลุ่มฮามาสที่เปิดฉากถล่มอิสราเอลแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างอิสราเอล และกลุ่มอิซบอลเลาะ รวมถึงกลุ่มฮามาส ส่งผลทำให้โรสแมรี ดิคาร์โล หัวหน้าฝ่ายกิจการการเมืองขององค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ออกมาเตือนถึงความรุนแรงในตะวันออกกลางที่อาจบานปลาย และเสี่ยงต่อการจุดชนวนความขัดแย้งที่สร้างความเสียหายรุนแรงจนไม่สามารถหยุดยั้งได้
ส่วนความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ล่าสุดยังคงยืนยันว่า ข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซายังคงเป็นข้อตกลงที่สามารถเป็นจริงได้ และจะต้องดำเนินการผลักดันเพื่อบังคับใช้ต่อไป