เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมา หลายพื้นที่ในแคว้นบาเลนเซียของประเทศเผชิญกับฝนที่ตกลงมาแบบมืดฟ้ามัวดิน บางพื้นที่ได้รับฝนเทียบเท่ากับปริมาณฝนที่ตกทั้งปีในเวลาเพียง 8 ชั่วโมง ทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 150 รายและคาดว่าตัวเลขอาจสูงขึ้นอีก
นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจนเกิดอุทกภัยรุนแรงเป็นผลมาจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติแปลกประหลาดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่เรียกว่า “DANA”
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า DANA ก่อตัวขึ้นเฉพาะในสเปนเท่านั้น ย่อมาจากภาษาสเปนที่ว่า “Depresión Aislada en Niveles Altos” เป็นปรากฏการณ์ “Cold Drop” ชนิดรุนแรง
บุกตบ “ทนายธรรมราช” คากองปราบ! หลังแจ้งความร้องทุกข์ “คนตื่นธรรม”
รวบ 6 ตร.จัดฉากปลอมหมายค้น อุ้มต่างชาติ รีด 300 ล้าน พ.ต.ท. เป็นหัวหน้าแก๊ง
ตรวจผลรางวัลสลากออมสินพิเศษ 2 ปี งวด 225-258 วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567
Cold Drop เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อมวลของอากาศอุ่นปะทะกับมวลของอากาศเย็นที่นิ่งอยู่ในระดับความสูงประมาณ 9,000 เมตร
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ในชั้นบรรยากาศด้านบนจะมีกระแสลมแรงมากที่ล้อมรอบโลกเหมือนเข็มขัด บางครั้งกระแสลมนี้จะเริ่มแกว่งไปมาจนดูเหมือนงูมากกว่าเข็มขัด และการแกว่งดังกล่าวอาจทำให้เกิดการ “ติดขัด” ทำให้มวลของอากาศเย็นนิ่งค้างอยู่ในที่หนึ่ง ซึ่งในกรณีที่สเปนล่าสุดนี้ เกิดขึ้นที่บริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของสเปน
DANA เกิดขึ้นเมื่ออากาศเย็นนี้พบกับอากาศอุ่นมากใกล้พื้นผิวทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหนือน้ำอุ่นของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน การรวมกันนี้ทำให้เกิดความแตกต่างของอุณหภูมิอย่างมีนัยสำคัญระหว่างชั้นบรรยากาศต่าง ๆ ซึ่งทำให้มวลของอากาศอุ่นลอยขึ้นได้ง่ายและอิ่มตัวด้วยไอน้ำ
หากอุณหภูมิแตกต่างกันนี้รวมกับความชื้นและพลังงานจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งอบอุ่นมากหลังฤดูร้อน ผลลัพธ์ที่ได้คือพายุฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนัก
ฮอร์เก โอลซินา ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการภูมิอากาศวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยอาลิกันเต กล่าวว่า “ลมอาจไม่แรงเท่าพายุเฮอริเคน แต่ในแง่ของปริมาณฝนและความรุนแรงอาจรุนแรงกว่าด้วยซ้ำ เหตุการณ์เหล่านี้สามารถสร้างความเสียหายทางวัตถุและการสูญเสียชีวิตได้มากเท่ากับพายุเฮอริเคนทั่วไป”
ด้าน ยาโก เปเรซ นักธรณีวิทยามหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด อธิบายว่า DANA เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ทางอุตุนิยมวิทยาที่อันตรายที่สุดในสเปน โดยระบุว่า “พายุจะปล่อยน้ำจำนวนมหาศาลออกมาในเวลาอันสั้น”
ซึ่งในกรณีของเมื่อวันที่ 29 ต.ค. นั้น DANA ได้ลอยอยู่เหนือพื้นที่เดียวกันนานกว่า 12 ชั่วโมง ทำให้เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์พายุรุนแรงที่สุด และคาดว่าจะยังคงรุนแรงไปจนถึงวันที่ 3 พ.ย.
DANA พบกับอุณหภูมิของน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 22 องศาเซลเซียสนอกชายฝั่งบาเลนเซีย ในขณะที่อุณหภูมิปกติในช่วงเวลานี้ของปีอยู่ที่ประมาณ 21 องศาเซลเซียส ความแตกต่างนี้อาจดูเล็กน้อย แต่ก็เพียงพอที่จะกลายเป็นเชื้อเพลิงที่มอบพลังงานมหาศาลให้กับระบบพายุได้
โอลซินาเชื่อว่า ความรุนแรงของ DANA ในสัปดาห์นี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) อย่างไรก็ตาม เปเรซคิดว่าการจะเชื่อมโยงปรากฏการณ์นี้กับภาวะโลกร้อนต้องมีการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งกว่านี้
โอลซินาบอกว่า ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นแอ่งน้ำทะเลแห่งหนึ่งที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยทำหน้าที่เป็น “สายพานส่งผ่านความชื้นและพลังงาน”
เขาเสริมว่า ตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา อุณหภูมิเฉลี่ยของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเพิ่มขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งคิดเป็นเกือบ 2 เท่าของอุณหภูมิอากาศในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน “ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา ฤดูร้อนบนคาบสมุทรไอบีเรียมีอุณหภูมิที่สูงเป็นประวัติการณ์ และในปีนี้ อุณหภูมิผิวน้ำทะเลสูงเกิน 29 องศาเซลเซียส”
ภาวะโลกร้อนยังทำให้ช่วงเวลาของ DANA เปลี่ยนไป เนื่องจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเริ่มร้อนขึ้นในเดือน พ.ค. และยังคงอบอุ่นอยู่จนถึงเดือน พ.ย. เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 ปรากฏการณ์นี้มักเกิดขึ้นในเดือน ก.ย.-ต.ค. มากกว่า นอกจากนี้ ปัจจุบันคาดว่ามี DANA เกิดเพิ่มขึ้นประมาณ 15-20% เมื่อเทียบกับ 6 ทศวรรษที่แล้ว
เรียบเรียงจาก Live Science