“ทรัมป์” จ่อตั้งคณะกรรมการโละนายพลขาดคุณสมบัติ

สำนักข่าว The Wall Street Journal) ของสหรัฐฯ รายงานว่า ทีมถ่ายโอนอำนาจของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังร่างคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการที่ประกอบไปด้วยอดีตนายทหารทั้งระดับสัญญาบัตรและชั้นประทวนของกองทัพสหรัฐฯ 

ในร่างคำสั่งดังกล่าว หน้าที่หลักของคณะกรรมการชุดนี้คือการพิจารณาคุณสมบัติของนายทหารระดับสูงที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ทั้งด้านความเป็นผู้นำ ความพร้อมเชิงยุทธศาสตร์ และความมุ่งมั่นเพื่อความเป็นเลิศทางการทหาร

AFP/Rebecca NOBLE

โดยคณะกรรมการจะสรุปความคิดเห็นส่งให้กับประธานาธิบดี และนายทหารที่ถูกลงความเห็นว่าไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้ จะถูกปลดภายใน 30 วัน แต่ยังครองชั้นยศเท่าเดิม 

วิธีเปลี่ยนเสียงเรียกเข้า-เสียงรอสายเฉพาะแชตบน LINE

ส่อง 30 ลุค! พร้อมเคาะคะแนน "โอปอล สุชาตา" ก่อนรอบพรีลิมฯ "Miss Universe 2024" 15 พ.ย.นี้!

ย้อนดูมูลค่าตัวเลขการซื้อลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก ในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการวางหลักเกณฑ์ที่จะใช้สำหรับการประเมิน  แต่หากแผนการนี้ได้รับการอนุมัติจากทรัมป์ จะทำให้การปลดนายทหารระดับนายพลทำได้อย่างรวดเร็ว

แม้ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุด จะมีอำนาจปลดนายทหารนายใดก็ได้ แต่ว่าการแต่งตั้งคณะกรรมากรเช่นนี้จะเป็นการหลีกเลี่ยงระบบโยกย้ายตามปกติของกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า ทรัมป์ ต้องการปลดนายทหารระดับนายพลครั้งใหญ่

ที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศว่า หากมีโอกาสกลับมาเป็นผู้นำสหรัฐฯอีกครั้ง จะปลดนายทหารหลายนายที่สนับสนุนความหลากหลายและความเท่าเทียมในกองทัพ โดยหนึ่งในนายทหารที่คาดว่าจะตกเป็นเป้าหมายของทรัมป์คือ ประธานคณะเสนาธิการร่วมผู้บัญชาการเหล่าทัพสหรัฐฯ พลเอก ชาร์ลส์ คิว. บราวน์ จูเนียร์ ที่พยายามผลักดันเรื่องนี้มาโดยตลอด

อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวสำคัญทางการเมืองของสหัฐฯ เมื่อวันที่ 12 พ.ย. คือการตัดสินใจเลื่อนการประกาศบทลงโทษต่อ ทรัมป์ ในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงิน 130,000  ดอลลาร์ หรือกว่า 4 ล้านบาทให้กับ สตอร์มี แดเนียลส์ ดาราหนังโป๊ เพื่อปิดบังความสัมพันธ์ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2016 

เดิมที ผู้พิพากษา ฮวน  เอ็ม เมอร์ชาน แห่งศาลนิวยอร์ก มีกำหนดประกาศบดลงโทษเมื่อวันที่ 12 พ.ย. แต่ได้แจ้งต่อทีมทนายของทรัมป์ว่าการตัดสินโทษจะถูกเลื่อนออกไปเป็นที่ 19 พ.ย.นี้ ซึ่งอัยการเห็นพ้องในเรื่องนี้เช่นกัน