หลังจากที่สำนักข่าววอชิงตันโพสต์ รายงานว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่สหรัฐฯ และประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้สนทนาผ่านทางโทรศัพท์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า ทรัมป์ บอก ปูติน ว่าไม่ควรยกระดับการสู้รบในยูเครน และต้องการหาทางยุติสงครามให้ได้โดยเร็วนั้น
ทว่าล่าสุด ดีมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียออกมายืนยันว่า ปธน.ปูติน ไม่มีการพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ กับ ทรัมป์ ตามรายงานของวอชิงตันโพสต์แต่อย่างใด
ขณะที่ทีมงานของทรัมป์ ระบุว่า จะไม่แสดงความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับการโทรศัพท์ส่วนตัวระหว่าง ทรัมป์ กับผู้นำของประเทศอื่น
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ผู้นำเยอรมนี โดยที่โฆษกของชอลซ์แถลงว่า ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันที่จะทำงานร่วมกันเพื่อหาทางนำสันติภาพกลับคืนสู่ยุโรป
วันหยุดปีใหม่ 2568 เพิ่มวันหยุดพิเศษ วางแผนหยุดยาว 5 วันรวด
หนุ่ม กรรชัย แฉ!คลิปนักร้องชื่อดัง ตบทรัพย์ดิไอคอน 20 ล้าน
ตารางการประกวด "Miss Universe 2024" เช็ก 3 รอบสำคัญ เชียร์ "โอปอล สุชาตา" คว้ามง!
ขณะที่ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง ยืนยันว่า จะจัดส่งความช่วยเหลือให้ยูเครนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. ปี 2025 เพื่อให้ยูเครนมีสถานะที่เข้มแข็งที่สุดทั้งในสนามรบและการเจรจา ซึ่งจะรวมถึงการให้เงินสนับสนุนที่เหลืออยู่อีก 6,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2 แสนล้านบาท
ซัลลิแวน ย้ำว่า ประธานาธิบดีไบเดนจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ดำเนินการให้รัฐสภาและคณะบริหารชุดต่อไปตระหนักว่า สหรัฐฯ ไม่สามารถทิ้งยูเครนได้ เนื่องจากจะทำให้ยุโรปไร้เสถียรภาพมากขึ้น
สำหรับ ทรัมป์ได้ประกาศอย่างหนักแน่นว่า หากได้รับเลือกตั้ง จะยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนภายใน 24 ชั่วโมง แต่ไม่บอกรายละเอียด จนทำให้เกิดความกังวลในหมู่ชาติพันธมิตรของยูเครนว่า ทรัมป์อาจจะยุติการสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครน เพื่อบีบให้เกิดการเจรจาสงบศึกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม มีหลายคนที่ยังเชื่อว่า ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ จะไม่ทอดทิ้งยูเครน เช่น จอห์น ฮีลลีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอังกฤษ
ขณะที่ โจเซป บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป ที่อยู่ในระหว่างการเยือนยูเครน เตือนว่าการการยุติสงครามต้องมีความยั่งยืน
ส่วนความคืบหน้าสถานการณ์สู้รบ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เปิดเผยว่ารัสเซียได้ส่งกำลังทหาร 50,000 นาย ไปยังภูมิภาคเคิร์สก์ ทางภาคตะวันตก เพื่อยึดพื้นที่ดังกล่าวจากทหารยูเครน ซึ่งควบคุมภูมิภาคแห่งนี้ไว้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม
โดย ประธานาธิบดี เซเลนสกี ยืนยันว่า ทหารยูเครนยังสามารถต้านทานการบุกโจมตีของทหารรัสเซียได้
ขณะที่ พลเอก โอเล็กซานเดอร์ เซียร์สกี ผู้บัญชาการกองทัพยูเครนยังไม่ยืนยันว่ากำลังทหารที่รัสเซียส่งเข้าสู่สมรภูมิในภูมิภาคเคิร์สก์ มีทหารเกาหลีเหนือรวมอยู่ด้วยหรือไม่ หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาสำนักข่าวนิวยอร์กไทม์รายงานว่า ทหารเกาหลีเหนือได้ถูกส่งไปร่วมรบในพื้นที่แห่งนี้ด้วย