สำนักข่าว CNN รายงานโดยอ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ 2 คนที่ระบุว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ซึ่งกำลังจะพ้นตำแหน่งในเดือน ม.ค. นี้ ได้อนุญาตให้ยูเครนใช้ “ระบบขีปนาวุธยุทธวิธีกองทัพบก” (ATACMS) ที่ได้รับจากสหรัฐฯ โจมตีภายในดินแดนของรัสเซียได้แล้ว
หนึ่งในแหล่งข่าวของ CNN ระบุว่า ขีปนาวุธ ATACMS จะถูกใช้งานสำหรับปฏิบัติการของกองทัพยูเครนในภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซียเป็นหลัก
โดยดินแดนดังกล่าวตกอยู่ภายใต้การยึดครองของยูเครนตั้งแต่เดือน ส.ค. ทำให้รัสเซียพยายามบุกยึดคืนกลับมา เพื่อไม่ให้สูญเสียอำนาจต่อรองกับยูเครน และมีรายงานว่ารัสเซียได้ส่งทหารกว่า 50,000 นาย ที่อาจรวมถึงทหารเกาหลีเหนือหลายพันนายเข้าสู่ภูมิภาคเคิร์สก์ เพื่อผลักดันทหารยูเครนออกไป
อิสราเอลทำลายโรงงานอาวุธนิวเคลียร์ลับของอิหร่าน
"บันยาญ่า" เข้าวินสนามสุดท้าย "มาร์ติน" ผงาดคว้าแชมป์โลก โมโตจีพี 2024
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ จะปรับเปลี่ยนนโยบายของไบเดนครั้งนี้หรือไม่เมื่อเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. ปีหหน้า เนื่องจากทรัมป์มีจุดยืนคัดค้านการส่งความช่วยเหลือด้านการเงินและการทหารให้แก่ยูเครนในช่วงที่ผ่านมา
สำหรับการใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลยิงเข้าสู่ดินแดนของรัสเซีย เป็นสิ่งที่ประธานาธิบดี โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ผลักดันมาโดยตลอด แต่ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ยังมีท่าทีลังเล เนื่องจากมีหลายฝ่ายที่แสดงความกังวลว่าการอนุญาตอาจทำให้สงครามลุกลาม หรืออาจทำให้อาวุธในคลังของสหรัฐฯ ลดลง
โดยประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เคยเตือนเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเดือน ก.ย. ว่า หากชาติตะวันตกอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบโจมตีเป้าหมายในดินแดนของรัสเซีย จะเท่ากับเป็นการเข้าร่วมความขัดแย้งโดยตรง และนั่นหมายความว่า ชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือ นาโต รวมถึง สหรัฐฯ และชาติยุโรป กำลังต่อสู้กับรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันใด ๆ จากทำเนียบขาว หรือกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ รวมทั้งประธานาธิบดีเซเลนสกีที่ยังไม่ยืนยันหรือปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว
ส่วนสถานการณ์สู้รบในยูเครนเมื่อวันที่ 17 พ.ย. รัสเซียยิงขีปนาวุธ 120 ลูก และส่งโดรนอีก 90 ลำเข้ามาโจมตีหลายพื้นที่ในยูเครน รวมถึงรุงเคียฟ โดเนตสก์ ลวิฟ และ โอเดสซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 10 คน บาดเจ็บอีกนับสิบคน
ขณะที่บริษัท "ดีเทค" (DTEK) ผู้ให้บริการไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ที่สุดของยูเครน ระบุว่า โรงผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนหลายแห่ง ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ส่งผลให้ต้องมีการตัดไฟฉุกเฉินในภูมิภาคเคียฟ, โดเนตสก์ และ ดนิโปรเปตรอฟสก์ ทางตะวันออกของประเทศ นอกจากนั้น เมืองโอเดสซายังถูกตัดไฟบางส่วนด้วย
การโจมตีครั้งล่าสุดเกิดขึ้นท่างกลางความกังวลว่า รัสเซียอาจมุ่งเป้าโจมตีแหล่งผลิตไฟฟ้าของยูเครนก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึง ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่รัสเซียมักนำมาใช้ตลอดช่วงสงครามที่ผานมา
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP ต่างประเทศ
- วิดีโอยอดนิยม
