หนึ่งในสิ่งที่หลายคนรอคอยในการกลับมาของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ คือคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนภายใน 24 ชั่วโมงหลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
แม้ทรัมป์จะไม่เคยบอกชัด ๆ ว่าจะใช้วิธีการไหนในการทำให้สงครามสิ้นสุด แต่หลายฝ่ายประเมินว่าน่าจะผ่านการพูดคุยเจรจา ซึ่งมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง เพราะล่าสุดวันที่ 20 พ.ย. มีแหล่งข่าว 5 คนที่คุ้นเคยกับรัฐบาลรัสเซียเปิดเผยกับรอยเตอร์สว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน เปิดใจพร้อมพูดคุยข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนกับทรัมป์
เจ้าหน้าที่รัสเซียทั้งปัจจุบันและอดีต 5 คนได้เปิดเผยรายละเอียดครั้งแรกเกี่ยวกับสิ่งที่ประธานาธิบดีปูตินจะยอมรับในข้อตกลงใด ๆ ในการเจรจากับทรัมป์ โดยกล่าวว่า รัฐบาลรัสเซียอาจตกลงกันโดยกว้าง ๆ ที่จะยุติความขัดแย้งตามแนวรบ
โดยอาจมีช่องว่างในการเจรจาเกี่ยวกับการแบ่งพื้นที่ภูมิภาคยูเครนตะวันออก 4 แห่ง ได้แก่ โดเนตสก์ ลูฮันสก์ ซาโปริซเซีย และเคอร์ซอน แม้รัสเซียจะอ้างว่าทั้งสี่ภูมิภาคนี้เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียทั้งหมดก็ตาม
ปัจจุบัน กองกำลังภาคพื้นดินของรัสเซียควบคุมพื้นที่ 70-80% ของสี่ภูมิภาคดังกล่าว โดยมีพื้นที่เหลือประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตรที่ยังคงถูกควบคุมโดยกองทหารยูเครน
แหล่งข่าวกล่าวว่า รัสเซียอาจยอมถอนตัวจากพื้นที่ในภูมิภาคคาร์คิฟและมิโคเลฟ ทางตอนเหนือและใต้ของยูเครน ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า
แหล่งข่าวระบุว่า การตัดสินใจของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง ในการอนุญาตให้ยูเครนยิงขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐฯ เข้าไปในรัสเซีย อาจทำให้ข้อตกลงใด ๆ มีความซับซ้อนและล่าช้าลง และทำให้ข้อเรียกร้องของรัสเซียเข้มงวดยิ่งขึ้น
ศาลพิพากษาประหารชีวิต "แอม ไซยาไนด์"
วันหยุดธันวาคม 2567 เช็กวันสำคัญ - วางแผนลา หยุดยาวได้มากถึง 11 วัน
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ยูเครนใช้ขีปนาวุธดังกล่าวโจมตีดินแดนของรัสเซียเป็นครั้งแรก โดยรัสเซียระบุว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการยกระดับความรุนแรง
แหล่งข่าวระบุว่า หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงได้ รัสเซียจะสู้ต่อไป
สตีเวน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ กล่าวกับรอยเตอร์สว่า “ทรัมป์เป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถรวบรวมทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกันเพื่อเจรจาสันติภาพ และทำงานเพื่อยุติสงครามและหยุดการสังหาร”
ที่ผ่านมา ปูตินได้กำหนดเงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับการยุติสงคราม นั่นคือ ยูเครนจะต้องละทิ้งความทะเยอทะยานที่จะเข้าร่วมนาโต และถอนทหารทั้งหมดออกจากดินแดน 4 ภูมิภาคที่รัสเซียอ้างสิทธิ์
แหล่งข่าวทั้ง 5 คนบอกว่า แม้ว่ารัสเซียจะไม่ยอมให้ยูเครนเข้าร่วมนาโต หรือการมีกองกำลังนาโตอยู่บนผืนแผ่นดินยูเครน แต่รัสเซียก็พร้อมที่จะหารือเกี่ยวกับการรับประกันความปลอดภัยสำหรับยูเครน
แหล่งข่าวระบุว่า ข้อตกลงอื่น ๆ ของยูเครนที่รัสเซียอาจผลักดันให้เกิดขึ้นได้ ได้แก่ การที่ยูเครนตกลงที่จะจำกัดขนาดของกองกำลังติดอาวุธ และให้คำมั่นว่าจะไม่จำกัดการใช้ภาษารัสเซีย
ทั้งนี้ ที่ปูตินพร้อมเจรจากับทรัมป์นั้น เป็นเพราะขณะนี้รัสเซียเป้นฝ่ายถือไพ่เหนือกว่าอย่างมาก ทำให้มีอำนาจการต่อรองสูง
ปัจจุบัน รัสเซียควบคุมพื้นที่ถึง 18% ของยูเครน รวมถึงคาบสมุทรไครเมียทั้งหมด รวมกับ 80% ของภูมิภาคโดเนตสก์และลูฮันสก์ และมากกว่า 70% ของภูมิภาคซาโปริซเซียและเคอร์ซอน นอกจากนี้ยังครอบครองพื้นที่เกือบ 3% ของภูมิภาคคาร์คิฟและส่วนหนึ่งของมิโคเลฟ
โดยรัสเซียยึดพื้นที่ของยูเครนไว้ทั้งหมดมากกว่า 110,000 ตารางกิโลเมตร ส่วนยูเครนครอบครองพื้นที่ภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซียได้ประมาณ 650 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น
แหล่งข่าวระดับสูงที่ทราบเกี่ยวกับการหารือระดับสูงกล่าวว่า ชาติตะวันตกจะต้องยอมรับความจริงอันโหดร้ายที่ว่า การสนับสนุนทั้งหมดที่มอบให้กับยูเครนนั้นไม่สามารถป้องกันไม่ให้รัสเซียชนะสงครามได้
เรียบเรียงจาก Reuters