ผู้พิพากษาศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ตัดสินใจออกหมายจับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู, โยอาฟ กัลแลนต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และโมฮัมเหม็ด เดอิฟ ผู้บัญชาการของกลุ่มฮามาส ซึ่งถูกกองทัพอิสราเอลสังหารไปแล้ว ในข้อหาก่ออาชญากรรมสงคราม
ศาลระบุว่า องค์คณะไต่สวนปฏิเสธการคัดค้านของอิสราเอลเรื่องขอบเขตอำนาจของศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ และมีเหตุอันควรให้เชื่อว่า บุคลทั้ง 3 คน ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำผิดข้อหาอาชญากรรมสงคราม และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ จากสงคราระหว่างมอิสราเอลและกลุ่มฮามาส
ขณะที่อิสราเอลปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยสำนักงานนายกรัฐมนตรีอิสราเอลประณามการออกหมายจับว่า มีแรงจูงใจจากแนวคิดต่อต้านชาวยิว
ส่วนกลุ่มฮามาปฏิเสธข้อกล่าวหาเช่นกัน แต่ระบุว่า การออกหมายจับทั้งเนทันยาฮูกับกัลแลนต์ เป็นการสร้างกรณีตัวอย่างที่สำคัญในประวัติศาสตร์
“ปูติน” เตือนสงครามรัสเซีย-ยูเครนกำลังลุกลามไปทั่วโลก
จ่อเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่สิ้น มี.ค.68 คาดมีถึง 25 ล้านคน
ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับคำร้อง "ทักษิณ" ล้มล้าง ครอบงำ "เพื่อไทย"
อย่างไรก็ตาม ศาลอาญาระหว่างประเทศไม่มีอำนาจบังคับใช้หมายจับ จึงขึ้นอยู่กับว่า ชาติสมาชิกทั้ง 124 ประเทศจะทำการจับกุมบุคคลที่ถูกประกาศชื่อเมื่อ เดินทางเข้าประเทศหรือไม่ โดยอิสราเอลและพันธมิตรหลักอย่าง สหรัฐฯ ไม่ได้เป็นสมาชิกของศาลแห่งนี้
โดยทีมโฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ โต้แย้งว่าการการขอหมายจับของอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศเป็นไปอย่างรีบเร่งและมีข้อบยกพร้อม พร้อมทั้งย้ำจุดยืนของสหรัฐฯ ที่มองว่าศาลอาญาระหว่างประเทศไม่มีอำนาจในเรื่องนี้
ตรงกันข้ามกับสหภาพยุโรป ที่ยอมรับว่าหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ โดยโจเซฟ บอร์เรล ประธานฝ่ายนโยบายต่างประเทศของอียูกล่าวการตัดสินใจของศาลจำเป็นต้องได้รับความเคารพและปฏิบัติตาม"
ขณะที่หน่วยงานด้านมนุษยธรรมหลายแห่งเตือนว่านานาประเทศต้องปฏิบัติตามหมายจับนายกรัฐมนตรี เนทันยาฮู ที่ออกโดยศาลอาญาระหว่างประเทศ
โดยองค์กรสิทธิมนุษยชน ฮิวแมน ไรต์ส วอตช์ (Human Rights Watch) ระบุว่า การประกาศจับของศาลอาญาโลกจำเป็นต้องอาศัยความตั้งใจของรัฐบาลประเทศต่างๆในการสนับสนุนกระบวนการยุติธรรม