ย้อนกลับไปช่วงวันที่ 13-15 พ.ค.ปีที่แล้ว ทางการมาเลเซียบุกยึดนาฬิกาสีรุ้งจากคอลเลกชันไพรด์ของแบรนด์ “สวอตช์” รวมทั้งสิ้น 172 เรือนจากช็อปตามศูนย์การค้าชั้นนำ 11 แห่ง อาทิ กรุงมะนิลา รัฐสลังงงอร์ ยะโฮร์ ปีนัง และโกตากีนาบาลู ในความผิดฐาน มีองค์ประกอบความเป็น LGBTQ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า กลุ่ม LGBTQ ยังถูกเลือกปฏิบัติในมาเลเซีย ที่ประชากรส่วนใหญ่นับถืออิสลาม
โดยกฎหมายมาเลเซีย ระบุให้ความรักที่ไม่ใช่ชายหญิงเป็นสิ่งต้องห้าม และการมีเพศสัมพันธ์ระหว่าง LGBTQ อาจถูกลงโทษด้วยการจำคุกและการเฆี่ยนตี
ทีมชาติไทย ประกาศ 26 นักเตะ ลุยศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2024
ดับฝัน "ป้าติ๋ม" อดรับมรดก 100 ล้าน หลังตร.สืบพบแหม่มสาวใช้นอมินีไทยทำธุรกิจ
ฝรั่งเศส-อังกฤษ หารือแผนส่งทหารร่วมรบในยูเครน
และเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทสวอตช์ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลมาเลเซีย โดยเอกสารคำฟ้อง เรียกร้องให้ศาลสูงสั่งให้กระทรวงมหาดไทยมาเลเซียคืนของกลางที่ยึดไปทั้งหมดภายใน 5 วัน นับตั้งแต่มีคำสั่ง และให้จ่ายเงินชดเชยค่าเสียหาย เอกสารยังระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยมาเลเซียกระทำการอย่างผิดกฎหมาย ไร้เหตุผล และขั้นตอน
ทางสวอตช์ มาเลเซีย ยังเชื่อว่ามีเรื่องการเมืองแอบแฝง เพราะการบุกยึดนาฬิกาเกิดขึ้นไม่นานก่อนจะมีการเลือกตั้งระดับรัฐ บรรดารัฐมนตรีเลยพยายามแสดงออกถึงความเป็น “ชาวอิสลาม” เพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง บริษัทยังระบุด้วยว่า นาฬิกาบางรุ่นที่ยึดไป ก็มีวางขายในประเทศมานานกว่า 1 ปีแล้ว
ล่าสุด เมื่อวานนี้ ศาลสูงกัวลัมเปอร์มีคำตัดสินให้สวอตช์เป็นฝ่ายชนะคดี เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทางการมาเลเซียกระทำการอุกอาจและผิดกฎหมาย บุกค้นและยึดนาฬิกาทั้งที่ไม่มีหมายจากศาล โดยให้คืนนาฬิกาที่ยึดมาทั้งหมด มูลค่าเกือบ 5 แสนบาท ให้กับบริษัท ภายใน 14 วัน หลังศาลมีคำสั่ง
ทางกระทรวงมหาดไทยมาเลเซียออกแถลงการณ์ว่าจะเคารพและปฏิบัติตามคำตัดสินของศาล