อดีตประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร์ อัล-อัสซาด ออกแถลงการณ์ผ่านช่องทางเทเลแกรมเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ระบุว่า ในช่วงที่กรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย ถูกฝ่ายกบฏเข้ายึดครอง ตนเองได้เดินทางไปที่ฐานทัพอากาศ “ฮเมมิม” (Hmeimim) ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของทหารรัสเซียที่จังหวัดลาตาเกีย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ เพื่อบัญชาการปฏิบัติการการต่อสู้ของกองทัพด้วยตนเอง แต่ได้เห็นว่ากองทัพรัฐบาลกำลังละทิ้งฐานที่มั่น
อัสซาดบรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นในวันที่ 8 ธ.ค ว่า ฐานทัพฮเมมิมถูกโดรนโจมตีทางอากาศอย่างหนัก และในช่วงค่ำวันนั้น รัฐบาลรัสเซียได้สั่งให้ฝ่ายบัญชาการของานทัพอากาศฮเมมิมดำเนินการพาตนเองขึ้นเครื่องบินเดินทางไปกรุงมอสโก แม้ในช่วงเวลานั้นตัวเขาไม่เคยคิดที่จะลาออก หรือเดินทางออกจากซีเรียเลยก็ตาม
ทั้งนี้ อัสซาดหายตัวไปโดยไม่มีข่าวคราวตลอดช่วง 12 วันที่ฝ่ายกบฏเดินหน้ายึดเมืองทางตะวันตกไปทีละเมือง ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า เขาหนีออกจากประเทศไปแล้ว เพราะแม้แต่นายกรัฐมนตรีก็ติดต่ออัสซาดไม่ได้ในตอนที่กลุ่มกบฏบุกเข้าสู่กรุงดามัสกัส
จากนั้นในวันที่ 9 ธ.ค. สื่อรัสเซียรายงานว่า อัสซาดได้รับสถานะผู้ลี้ภัยในรัสเซียแล้ว แต่รัฐบาลรัสเซียไม่เคยออกมายืนยันอย่างเป็นทางการ
ขณะที่เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงอนาคตของฐานทัพรัสเซียในซีเรียว่า ยังไม่มีการตัดสินใจใด ๆ ในเวลานี้ และรัฐบาลอยู่ในระหว่างการพูดคุยกับกลุ่มอำนาจใหม่ในกรุงดามัสกัส
เช็กชื่อ 12 จนท.รัฐ โดน ป.ป.ช.ไต่สวน ปม “ทักษิณ” ชั้น 14
เงินชาวนาไร่ละ 1000 บาท เช็กวันโอนเงินเข้าบัญชี กลุ่มแรก
วันหยุดปีใหม่ 2568 เพิ่มวันหยุดพิเศษ วางแผนหยุดยาว 5 วันรวด
อย่างไรก็ตามสำนักข่าว TASS รายงานว่า รัฐบาลรัสเซียได้บรรลุข้อตกลงชั่วคราวกับกลุ่มผู้นำชุดใหม่ของซีเรียที่เป็นหลักประกันชั่วคราวว่าฐานทัพของรัสเซียในซีเรียจะสามารถปฏิบัติภารกิจได้ตามปกติ
ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศตุรกีได้ออกแถลงการณ์ประณามอิสราเอลที่มีแผนขยายชุมชนชาวยิวในที่ราบสูงโกลัน ซึ่งอิสราเอลยึดครองมาจากซีเรีย
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่าความเคลื่อนไหวของอิสราเอลแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะขยายพื้นที่การครอบครองนอกเหนือจากเขตแดนของตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวล เช่นเดียวกับการโจมตีทางอากาศเป้าหมายต่าง ๆ ทั่วซีเรีย
โดยกระทรวงการต่างประเทตุรกีเตือนว่า การกระทำของอิสราเอลเป็นการขัดขวางความพยายามฟื้นฟูสันติภาพในซีเรียและยังเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลาง
สำหรับอิสราเอลยังคงเดินหน้าโจมตีทางอากาศพื้นที่หลายจุดในซีเรีย นับตั้งแต่การล่มสลายของรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีอัสซาด โดยมีเป้าหมายหลักคือสนามบิน ระบบต่อต้านอากาศยาน และคลังเก็บอาวุธต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ยุทธปกรณ์เหล่านี้ตกไปอยู่ในมือของกลุ่มติดอาวุธในซีเรีย ซึ่งบางส่วนได้รับการสนับสนุนจากตุรกี
โดยเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. อิสราเอล แคตซ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิสราเอล กล่าวว่า ยังคงมีความเสี่ยงของภัยคุกคามจากซีเรียอยู่ และความเสี่ยงดังกล่าวก็เพิ่มสูงขึ้นหลังเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในประเทศนี้ แม้ว่าแกนนำกลุ่มกบฎที่ควบคุมกรุงดามัสกัสพยายามสร้างภาพลักษณ์ที่โน้มเอียงมาทางสายกลางมากขึ้น