นายบอริส พิสโตเรียส รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของเยอรมนี กล่าวต่อรัฐสภาในกรุงเบอร์ลินว่า อาจเพิ่มทหารในกองทัพ เป็น 230,000 นาย จากเป้าหมายปัจจุบันที่ 203,000 นาย ถือเป็นท่าทีที่มีขึ้นขณะที่บรรดาชาติสมาชิกขององค์กรสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต (NATO) กำลังแสวงหาการเพิ่มความแข็งแกร่ง ภายหลังการรุกรานยูเครนของรัสเซียในปี 2022 ที่ผ่านมา
ในตอนนี้ กองกำลังติดอาวุธของเยอรมนี หรือบุนเดิสแวร์ (Bundeswehr) มีกำลังพลในเครื่องแบบ 180,000 นาย
ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าหมายปัจจุบันอยู่ราว 20,000 นาย หลังจากประสบความยากลำบากในการสรรหาบุคลากรมาเป็นเวลาหลายปี
นาโตเตรียมบรรลุเป้าหมายใหม่และข้อเรียกร้องที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการจัดสรกองกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์ของชาติพันธมิตรในปี 2025 ซึ่งสะท้อนสิ่งที่ประเทศสมาชิกมองว่าเป็นความเสื่อมถอยของความมั่นคง นับตั้งแต่รัสเซีบเปิดฉากโจมตียูเครนเต็มรูปแบบ
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์สได้รับรายงานว่า ผู้วางแผนของนาโตเชื่อว่าพันธมิตรนาโต จะต้องมีกองทหารพิเศษ 35 กองพัน ถึง 50 กองพัน เพื่อต้านทานการโจมตีของรัสเซีย โดยแต่ละกองพัน จะประกอบด้วยทหาร 3,000 นาย ถึง 7,000 นาย ซึ่งคิดเป็นทหารทั้งหมด 105,000 นายถึง 350,000 นาย
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว เยอรมนีซึ่งปกติจะจัดสรรกำลังพลของกองทัพให้กับนาโต ราว 10 เปอร์เซ็นต์ จะต้องการกองทหารพิเศษเพิ่มอีก 3 - 5 กองพัน หรือกำลังทหารเพิ่มเติม 20,000 นายถึง 30,000 นาย
อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมของรัฐบาลเบอร์ลิน ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานดังกล่าว
ตร.ไซเบอร์ รวบนักร้องนำวงเมทัล ดูแลบัญชีเว็บพนัน รับใช้เงินเกินตัว ติดกินหรูอยู่แพง!
พยากรณ์ล่วงหน้า ช่วงปีใหม่อากาศแปรปรวน-มีฝนรบกวนช่วงวันหยุดยาว
20 ที่เที่ยวปีใหม่ ใกล้กรุงเทพฯ ไปเช้าเย็นกลับ เดินทางง่าย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ของเยอรมนี เพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมหลังจากรัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครน ส่งผลทำให้ค่าใช้จ่ายทางการทหารสอดคล้องกับเป้าหมายของนาโตเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังมีคำถามว่ารัฐบาลเยอรมนีจะยังคงงบประมาณกองทัพไว้ที่ระดับนี้ต่อไปได้หรือไม่ หลังความขัดแย้งเรื่องงบประมาณและข้อพิพาทเรื่องเศรษฐกิจส่งผลทำให้พรรคร่วมรัฐบาล 3 พรรคล่มสลาย เมื่อเดือนที่แล้ว
และนายกรัฐมนตรีชอลซ์พ่ายมติไม่ไว้วางใจ ด้วยคะแนนเสียง 394 เสียงจากทั้งหมด 733 เสียง จนต้องจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2025