อี ซึง-ควอน สมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้ กล่าวภายหลังเข้ารับฟังรายงานสรุปจากสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (NIS) ว่า ทหารเกาหลีเหนือที่ไปรบในยูเครนเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 300 นาย และอีกอย่างน้อย 2,700 นายได้รับบาดเจ็บ ในภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซีย ตั้งแต่เมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา
การที่ทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมากภายในระยะเวลาอันสั้น เป็นผลจากการขาดความรู้และความเข้าใจด้าน “ยุทธวิธีการสู้รบในยุคใหม่” ที่รวมถึงการใช้โดรน ซึ่งเป็นหนึ่งในอาวุธที่รัสเซียและยูเครนนิยมใช้สู้รบในสงคราม
ขณะเดียวกัน สมาชิกสภาของเกาหลีใต้รายนี้เปิดเผยด้วยว่า เนื้อหาตอนหนึ่งซึ่งพบในเอกสารที่ติดตัวทหารเกาหลีเหนือหลายนาย ที่เสียชีวิตระหว่างการสู้รบกับยูเครน ระบุว่า หากอยู่ในสถานการณ์คับขันหรือจนมุม ทหารเกาหลีเหนือต้องพลีชีพ ด้วยการฆ่าตัวตาย เพื่อไม่ให้ยูเครนจับเป็นเชลยได้
ด้านกกระทรวงรวมชาติเกาหลีใต้ กล่าวถึงการที่ยูเครนควบคุมตัวเชลยทหารเกาหลีเหนือ 2 นาย ซึ่งจับได้ระหว่างการสู้รบกันที่ภูมิภาคเคิร์สก์ เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่ผ่านมา ว่ากำลังมีการศึกษาความเป็นไปได้ในทุกมิติ ว่ายูเครนสามารถส่งตัวทหารเกาหลีเหนือทั้งสองนายให้แก่เกาหลีใต้ได้หรือไม่ แม้ทหารนายหนึ่งแสดงความ ต้องการอยู่ที่จะในยูเครนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ หากทหารเกาหลีเหนือเหล่านี้สู้รบในนามกองทัพรัสเซีย การส่งตัวต้องเป็นการประสานงานโดยตรงกับรัสเซีย
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ยังเผยว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ อาจพยายามหาทางเจรจากับ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ หลังจากเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และอาจทำข้อตกลงเล็ก ๆ เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
โดยสำนักข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ได้ประเมินสถานการณ์ระหว่างการประชุมแบบปิดกับสมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้ ท่ามกลางความหวังว่า ทรัมป์ ที่จะเข้าพิธีสาบานตน 20 มกราคม นี้ อาจต้องการจัดประชุมสุดยอดทางการทูตกับ คิม จองอึน
สำหรับทรัมป์เคยพบกับ คิม จองอึน ในระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสมัยแรก โดยการพบกันครั้งแรกของทั้งคู่เกิดขึ้นในสิงคโปร์เมื่อเดือน มิ.ย. ปี 2018 และอีกครั้งที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เดือน ก.พ. ปี 2019 แต่ไม่มีข้อตกลงใด ๆ เกิดขึ้น และนับจากนั้นการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือก็หยุดชะงัก