คนงานมากกว่า 500 คนติดอยู่ใต้เหมืองร้าง ขาดอาหาร-น้ำตายแล้วเกิน 100 ราย

เมื่อวันที่ 13 ม.ค. มีการเปิดเผยว่า มีคนงานเหมืองจำนวนมากหลายร้อยคนติดอยู่ในเหมืองทองคำร้างบัฟเฟลส์ฟอนทีน ในเมืองสติลฟอนทีน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศแอฟริกาใต้ และมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 100 คน

โดยเชื่อว่าส่วนใหญ่เสียชีวิตจากภาวะขาดอาหารและขาดน้ำ หลังจากที่พวกเขาติดอยู่ในเหมืองใต้ดินเป็นเวลานานหลายเดือน ขณะที่ตำรวจพยายามบังคับให้พวกเขาออกมา

Reuters/Reuters

เรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยโดยตัวแทนกลุ่มคนงานเหมือง พวกเขาระบุว่า ยังมีคนงานอีกมากกว่า 500 คนที่ยังติดอยู่ภายในเหมืองดังกล่าว

ซาเบโล เมงกูนี โฆษกของกลุ่ม Mining Affected Communities United in Action Group (MACUA) บอกว่า เมื่อวันที่ 10 ม.ค. มีคนงานเหมืองบางส่วนได้รับการช่วยเหลือออกมา พร้อมโทรศัพท์มือถือที่มีวิดีโอ 2 คลิปอยู่ในนั้น แสดงให้เห็นศพหลายสิบศพห่อด้วยพลาสติกอยู่ในเหมืองใต้ดิน

ในคลิปยังได้ยินเสียงชายคนหนึ่งซึ่งกำลังถ่ายวิดีโอพูดว่า “นี่คือความหิวโหย”

เมงกูนีกล่าวว่า ตำรวจเริ่มปฏิบัติการพยายามนำคนงานเหมืองออกครั้งแรกตั้งแต่เมื่อเดือน พ.ย. 2024

เขาเสริมว่า ขณะนี้มีศพ 18 ศพถูกนำออกมาแล้ว โดย 9 ศพถูกนำขึ้นมาเมื่อวันที่ 10 ม.ค. ส่วนอีก 9 ศพถูกนำขึ้นมาเมื่อวันที่ 13 ม.ค. พร้อมผู้รอดชีวิต 26 คน

การทำเหมืองทองคำผิดกฎหมายเป็นเรื่องปกติในพื้นที่บางส่วนของแอฟริกาใต้ซึ่งอุดมไปด้วยทองคำ โดยบริษัทต่าง ๆ จะปิดเหมืองที่ไม่ทำกำไรอีกต่อไป ทำให้คนงานเหมืองนอกระบบกลุ่มหนึ่งแอบบเข้าไปในเหมืองอย่างผิดกฎหมายเพื่อพยายามค้นหาแหล่งแร่ที่เหลือ

เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามนำคนงานเหมืองออกและปิดเหมืองเมื่อ 2 เดือนก่อน แต่ตำรวจกล่าวว่าคนงานเหมืองปฏิเสธที่จะออกมา จึงตัดสินใจทิ้งพวกเขาไว้ใต้ดินและเอาเชือกที่พวกเขาใช้ปีนเข้าและออกจากเหมืองออก

ตำรวจยังตัดเสบียงอาหารของคนงานเหมืองเพื่อพยายามบีบบังคับให้พวกเขาออกมา ซึ่งเป็นการกระทำที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจาก MACUA

ทั้งนี้ MACUA ชนะคดีในศาลเมื่อเดือน ธ.ค. 2024 ซึ่งสั่งให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐส่งอาหาร น้ำ และยาให้กับคนงานเหมือง

รัฐบาลแอฟริกาใต้ยังถูกตรวจสอบเมื่อปฏิเสธที่จะช่วยเหลือคนงานเหมือง

บัฟเฟลส์ฟอนทีนเป็นหนึ่งในเหมืองที่ลึกที่สุดในแอฟริกาใต้ โดยมีความลึก 2.5 กิโลเมตร มีหลายช่อง หลายระดับ และเป็นอุโมงค์เขาวงกต

คนงานเหมืองผิดกฎหมายจำนวนมากมักจะทำงานขุดอยู่ใต้ดินเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อให้ได้ผลกำไร โดยนำอาหาร น้ำ เครื่องปั่นไฟ และอุปกรณ์อื่น ๆ ติดตัวไปด้วย แต่ยังต้องพึ่งพาคนงานเหมืองคนอื่น ๆ เพื่อส่งเสบียงเพิ่มเติมลงไป

เมงกูนีกล่าวว่า คนงานเหมืองที่เคยขุดออกมาได้ก่อนหน้านี้เล่าว่า บางครั้งต้องคลานไปตามอุโมงค์นาน 3-4 วันโดยเสี่ยงชีวิตเพื่อไปยังอีกช่องทางหนึ่งที่พวกเขาสามารถหลบหนีออกมาได้

ตำรวจกล่าวว่า พวกเขาไม่แน่ใจว่าคนงานเหมืองผิดกฎหมายจำนวนเท่าใดที่ยังคงอยู่ใต้ดิน แต่ก็เห็นด้วยว่าน่าจะมีหลายร้อยคน

ทางการแอฟริกาใต้พยายามปราบปรามแรงงานเหมืองที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเรียกกันว่า “ซามา ซามาส” ซึ่งในภาษาซูลูแปลว่า “นักต้มตุ๋น” มานานแล้ว โดยมองว่าเป็นพวกหัวรุนแรง มักมีอาวุธ และเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอาชญากร

แต่เมงกูนีกล่าวว่า คนงานเหมืองกลุ่มนี้ไม่ใช่คนร้าย เป็นเพียงอดีตพนักงานเหมืองที่ถูกให้ออกจากงานเมื่อเหมืองปิดตัวลง และอยู่ในภาวะสิ้นหวัง “คนงานเหมืองกลับมาที่เหมืองเพราะพวกเขามีชีวิตอยู่ในความยากจน”

 

เรียบเรียงจาก Associated Press