เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ประกาศเตรียมถอดคิวบาออกจากสถานะรัฐผู้ให้การสนับสนุนการก่อการร้ายของสหรัฐฯ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเพื่อให้ทางคิวบาปล่อยตัวนักโทษ โดยหลังจากนั้นไม่นาน คิวบาประกาศว่า จะปล่อยตัวนักโทษ 553 คนที่ถูกคุมขังในข้อหา “ก่ออาชญากรรมที่หลากหลาย” โดยหวังว่าจะรวมถึงผู้เข้าร่วมการประท้วงต่อต้านรัฐบาลเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
สหรัฐฯ ประกาศให้คิวบาเป็นรัฐสนับสนุนการก่อการร้ายเมื่อปี 2021 โดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงไม่กี่วันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรกของเขา
การประกาศสถานะดังกล่าวมีผลให้สหรัฐฯ ไม่สามารถมอบความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและการส่งออกอาวุธไปยังประเทศคิวบาได้
แต่ในวันที่ 14 ม.ค. เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของไบเดนกล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์ “ไม่พบข้อมูล” ที่สนับสนุนการประกาศสถานะดังกล่าว
ด้านทางการคิวบากล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของไบเดนเป็นการก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง แม้จะยังค่อนข้างจำกัดก็ตาม
กระทรวงการต่างประเทศของคิวบาระบุในแถลงการณ์ว่า “การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการยุติการใช้มาตรการบังคับบางอย่างที่ส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของคิวบาและส่งผลกระทบต่อประชากรอย่างรุนแรงเช่นเดียวกับมาตรการอื่น ๆ”
นักโทษหลายร้อยคนจะได้รับการปล่อยตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยยังไม่มีการประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับนักโทษเหล่านี้ แต่สหรัฐฯ หวังว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะกระตุ้นให้มีการปล่อยตัวผู้ประท้วงบางส่วนที่ถูกคุมขังหลังจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ในคิวบาเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของประเทศในปี 2021
ปัจจุบัน คิวบาอยู่ในรายชื่อประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้ายของสหรัฐฯ ร่วมกับเกาหลีเหนือ ซีเรีย และอิหร่าน
นอกจากจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการปล่อยตัวนักโทษแล้ว การตัดสินใจครั้งนี้ยังมีความสำคัญอีกด้วย เนื่องจากสามารถถือเป็นก้าวหนึ่งในการสร้างความสัมพันธ์ที่เป็นปกติระหว่างคิวบาและสหรัฐฯ ซึ่งอาจนำไปสู่การเจรจาเกี่ยวกับประเด็นที่ขัดแย้งอื่น ๆ ได้
แถลงการณ์ของทำเนียบขาวระบุว่า ไบเดนจะแจ้งแผนของเขาต่อรัฐสภา ซึ่งรวมถึงการยกเลิกข้อจำกัดทางการเงินในยุคทรัมป์ที่มีต่อชาวคิวบาบางคน และไบเดนจะระงับอำนาจในการเรียกร้องทรัพย์สินที่ถูกยึดในคิวบาด้วย
ยังไม่ชัดเจนว่าทรัมป์จะกลับคำตัดสินใจล่าสุดนี้หรือไม่เมื่อเขากลับเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค.
เรียบเรียงจาก BBC