จากกรณีเมื่อวันที่ 28 ม.ค. รถบรรทุกคันหนึ่งตกลงไปในหลุมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 เมตรและลึก 5 เมตร ซึ่งเกิดจากถนนที่พังถล่มกลางแยกในเมืองยาชิโอะ จังหวัดไซตามะ และต่อมายังเกิดหลุมใหม่ใกล้เคียงกัน
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 30 ม.ค. เกิดการถล่มอีกครั้งทำให้หลุมทั้งสองหลุมกลายเป็นหลุมเดียวกัน รวมมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 เมตรแล้ว
ตามรายงานของทางการจังหวัดไซตามะ เชื่อว่าการพังถล่มครั้งแรกเกิดจากท่อระบายน้ำแตก และการพังถล่มครั้งต่อมาอาจเกิดจากน้ำเสียที่กัดเซาะดินโดยรอบ
การถล่มที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าทำให้ความพยายามในการช่วยเหลือคนขับรถบรรทุกวัย 74 ปีที่ติดอยู่ข้างล่างต้องหยุดชะงัก แต่ในช่วงบ่าย นักดับเพลิงได้เริ่มทำงานเพื่อรื้อทางเท้าบนถนนทางด้านเหนือของหลุมและขุดมันขึ้นมา โดยพวกเขาวางแผนที่จะสร้างทางลาดที่นำไปสู่หลุมและนำเครื่องจักรกลหนักเข้ามาช่วยดำเนินการกู้ภัย
ขณะเดียวกัน เมื่อคืนวันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา ทางจังหวัดได้เริ่มดำเนินการระบายน้ำเสียฉุกเฉิน โดยสูบน้ำเสียจากต้นน้ำขึ้นมา ฆ่าเชื้อด้วยคลอรีน และปล่อยลงสู่แม่น้ำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำล้นในหลุม
การระบายน้ำฉุกเฉินนี้ดำเนินการในแม่น้ำที่ไม่ได้ใช้เป็นแหล่งน้ำดื่ม และทางจังหวัดระบุว่าไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และกำลังดำเนินการเพื่อดูว่าจะสามารถดำเนินการกับแม่น้ำอีก 2 สายในอนาคตได้หรือไม่
ทางจังหวัดได้ขอให้ประชาชนในเมืองและเทศบาลที่อยู่เหนือท่อระบายน้ำใช้น้ำอย่างประหยัดและลดปริมาณน้ำเสียลง
ในช่วงบ่ายของวันที่ 30 ม.ค. ซาโตะ เท็ตสึจิ หัวหน้าสถานีดับเพลิงยาชิโอะ ได้อธิบายสถานการณ์การกู้ภัยล่าสุดว่า “น้ำฝนและน้ำเสียพุ่งออกมาจากหลุมที่พังถล่ม และหลุมดังกล่าวยังคงพังถล่มเป็นระยะ ๆ”
เขาเสริมว่า “หลุมดังกล่าวลึกลงไปเนื่องจากดินถล่มและปัจจัยอื่น ๆ ขณะนี้ยังไม่สามารถเห็นคนขับรถบรรทุกที่สูญหายคนดังกล่าวด้วยตาเปล่าได้”
หัวหน้าซาโตะกล่าวว่า “เกิดดินถล่มอีกครั้งในช่วงเช้าตรู่ ดังนั้นจึงเป็นอันตรายอย่างยิ่ง และเราไม่สามารถส่งหน่วยกู้ภัยเข้าไปช่วยเหลือได้หลายหน่วยในคราวเดียว เรามุ่งหวังที่จะช่วยเหลือชายคนดังกล่าวโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกันก็ป้องกันไม่ให้เกิดภัยพิบัติซ้ำซ้อน”
เรียบเรียงจาก NHK