หลังจากที่ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เดินทางเยือนปานามา ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯ ในละตินอเมริกา และกดดันปานามาเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับจีน โดยได้เข้าพบกับประธานาธิบดีปานามา โฮเซ ราอูล มูลิโน
โดยหลังจากเจรจากับรูบิโอ ประธานาธิบดีมูลิโนกล่าวเมื่อวันที่ 3 ก.พ. ว่า จะไม่ต่ออายุข้อตกลงโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ของจีน และอาจถูกยกเลิกก่อนกำหนด
มูลิโนกล่าวว่า เดิมทีข้อตกลงดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในอีก 2-3 ปี แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมใด ๆ นอกเหนือจากนี้
ปานามาเป็นประเทศละตินอเมริกาประเทศแรกที่ให้การรับรองโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีนอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน พ.ย. 2017
ด้านรูบิโอแสดงความยินดีที่ปานามาตัดสินใจถอนตัวจากการมีส่วนร่วมในแผนโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกของจีน โดยระบุว่าเป็น “ก้าวสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ”
เขายังบอกอีกว่า การเคลื่อนไหวใด ๆ ของปานามาเพื่อแยกตัวจากโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน ถือเป็นชัยชนะของสหรัฐฯ และอ้างว่าจีนใช้โครงการนี้เป็น “การทูตกับดักหนี้” เพื่อเสริมสร้างอิทธิพลในระดับโลก
“การประกาศเมื่อวานนี้โดยประธานาธิบดีมูลิโนว่า ปานามาจะปล่อยให้การมีส่วนร่วมในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนสิ้นสุดลง ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และปานามา คลองปานามาที่เสรี และอีกตัวอย่างหนึ่งของความเป็นผู้นำของทรัมป์ ในการปกป้องความมั่นคงของชาติและส่งมอบความเจริญรุ่งเรืองให้กับชาวอเมริกัน” รูบิโอกล่าว
จีนปฏิเสธคำวิจารณ์จากชาติตะวันตกเกี่ยวกับโครงการริเริ่มดังกล่าว โดยระบุว่า มีประเทศเข้าร่วมมากกว่า 100 ประเทศ และปานามาได้ส่งเสริมการพัฒนาโลกด้วยการสร้างท่าเรือ สะพาน ทางรถไฟ และโครงการอื่น ๆ
ฟู่ ชง เอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า “ปานามาได้ดำเนินการตัดสินใจที่น่าเสียดาย ... การใส่ร้ายโดยสหรัฐฯ และประเทศตะวันตกบางประเทศเกี่ยวกับโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางนั้นไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง”
อย่างไรก็ตาม แผนโครงสร้างพื้นฐานนี้ของจีนยังคงเผชิญกับความขัดแย้ง โดยประเทศพันธมิตรบางประเทศบ่นว่าโครงการมีค่าใช้จ่ายสูง และต้องดิ้นรนเพื่อชำระคืนเงินกู้
เรียบเรียงจาก Reuters