เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ฟ็อกซ์นิวส์ออกอากาศบทสัมภาษณ์ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้พูดคุยเกี่ยวกับความพยายามของรัฐบาลในการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ดำเนินมากว่า 3 ปี
โดยในช่วงหนึ่งของการพูดคุย ทรัมป์แสดงความเห็นว่า “ยูเครนอาจจะเป็นรัสเซียในสักวันหนึ่ง” โดยตั้งคำถามถึงเอกราชในอนาคตของประเทศยูเครน
ทรัมป์กล่าวว่า “พวกเขา (ยูเครน) อาจทำข้อตกลง พวกเขาอาจไม่ทำข้อตกลง พวกเขาอาจเป็นรัสเซียในสักวันหนึ่ง หรือพวกเขาอาจไม่ใช่รัสเซียในสักวันหนึ่ง”
เขายังย้ำว่า ต้องการเห็นผลตอบแทนหากสหรัฐฯ ลงทุนให้ความช่วยเหลือยูเครน และเสนอแนวคิดเรื่องการแลกการสนับสนุนกับแร่ธาตุหายากของยูเครนอีกครั้ง
ความคิดเห็นของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดูเหมือนจะทำให้รัสเซียพึงพอใจ โดย ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ตอบคำถามนักข่าวเกี่ยวกับความคิดเห็นของทรัมป์ว่า “ยูเครนส่วนใหญ่ต้องการกลายเป็นรัสเซีย และความจริงที่ว่าตอนนี้บางส่วนกลายเป็นรัสเซียไปแล้วนั้น ไม่อาจปฏิเสธได้”
ที่ผ่านมา รัสเซียได้ผนวกดินแดนของยูเครนไปแล้ว 4 ภูมิภาคตั้งแต่เริ่มการรุกรานเต็มรูปแบบ และต้องการให้ยูเครนยอมจำนนโดยสมบูรณ์ รวมสามารถยึดครองดินแดนยูเครนได้แล้วประมาณ 1 ใน 5
ในปี 2023 รัสเซียได้จัดการลงประชามติใน 4 ภูมิภาคที่ถูกยึดครอง ได้แก่ โดเนตสก์ ลูฮันสก์ ซาโปริซเซีย และเคอร์ซอน เพื่อเพิ่มความชอบธรรมในการผนวกดินแดน
เปสคอฟกล่าวว่า “ประชาชนแม้จะเผชิญอันตรายมากมาย แต่ก็ยังยืนเข้าแถวและลงคะแนนเสียง ในการลงประชามติเพื่อเข้าร่วมกับรัสเซีย ซึ่งส่วนใหญ่สอดคล้องกับคำพูดของประธานาธิบดีทรัมป์”
ในบทสัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ ทรัมป์กล่าวว่า รัฐบาลของเขามี “ความคืบหน้าอย่างมาก” ในการวางรากฐานสำหรับการเจรจาสันติภาพที่อาจเกิดขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครน
ทรัมป์ย้ำความสนใจของเขาในการเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการให้ความช่วยเหลือยูเครน “พวกเขามีที่ดินที่มีค่ามหาศาลในแง่ของแร่ธาตุหายาก ในแง่ของน้ำมันและก๊าซ ในแง่ของสิ่งอื่น ๆ”
เขาเสริมว่า “ผมบอกพวกเขาว่า ผมต้องการแร่ธาตุหายากมูลค่าเทียบเท่า 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 17 ล้านล้านบาท) และพวกเขาก็ตกลงที่จะทำอย่างนั้น ดังนั้นอย่างน้อยเราก็ไม่รู้สึกโง่ ผมบอกพวกเขาว่าเราต้องได้อะไรบางอย่างมา เราไม่สามารถจ่ายเงินจำนวนนี้ต่อไปได้”
ในขณะที่ฝ่ายบริหารของไบเดนกล่าวว่า การสนับสนุนยูเครนคือการปกป้อง “สิทธิของประชาชนในการกำหนดอนาคตของตนเอง” และรักษา “หลักการที่ว่าประเทศไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพรมแดนของเพื่อนบ้านด้วยกำลัง” ความเห็นของทรัมป์ตอกย้ำแนวทางการทำธุรกิจทางภูมิรัฐศาสตร์ของเขา
ความเห็นของทรัมป์น่าจะส่งผลดีต่อประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งพยายามหาเหตุผลในการรุกรานยูเครนโดยกล่าวว่า รัสเซียและยูเครนเป็น “เป็นหนึ่งเดียว” และยูเครนไม่ใช่ประเทศที่มีอำนาจอธิปไตย
เรียบเรียงจาก CNN