เมื่อวันที่ 16 ก.พ. เกิดเหตุยิงกันที่ไมอามีบีช ในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐฯ โดยผู้ก่อเหตุคือ มอร์เดไค บราฟแมน เป็นชายชาวยิววัย 27 ปี เจ้าหน้าที่ตามจับกุมได้ และในวันที่ 17 ก.พ. ได้ตั้งข้อหาพยายามฆ่า 2 กระทง
ในวันเกิดเหตุ บราฟแนนใช้อาวุธปืนยิงนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล 2 คนที่เป็นพ่อลูกกันจนได้รับบาดเจ็บทั้งคู่ เนื่องจากเข้าใจผิดว่าทั้งสองคนเป็นชาวปาเลสไตน์
ในรายงานการจับกุม ตำรวจกล่าว่า “บราฟแมนให้การโดยสมัครใจว่า ขณะที่เขาขับรถบรรทุก เขาเห็นชาวปาเลสไตน์ 2 คน จึงยิงเพื่อหวังฆ่าทั้งคู่”
รายงานระบุว่า เมื่อเวลา 21.30 น. ของวันที่ 16 ก.พ. ตามเวลาท้องถิ่น วิดีโอจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นว่า บราฟแมนเปิดฉากยิงปืนกึ่งอัตโนมัติใส่รถคันหนึ่งที่ขับผ่านไป บราฟแมนถูกกล่าวหาว่ายิงไป 17 นัด
สำหรับเหยื่อทั้งสองราย รายหนึ่งได้รับบาดเจ็บที่ไหล่ และอีกคนได้รับบาดเจ็บที่แขน โดยผู้บาดเจ็บที่เป็นลูกชาย อารี เรวาย กล่าวว่า มือปืนได้ยิงเขาและพ่อจากรถบรรทุกที่วิ่งผ่านมา
“มีเสียง ‘บึ้ม บึ้ม บึ้ม’ แล้วเขาก็เริ่มยิงแบบสุ่ม เขาลดกระจกลง แล้วก็ยิง” เรวายกล่าว
เหตุการณ์ยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก เมื่อเรวายโพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียว่า “ขอให้พวกอาหรับตาย” และบอกว่า “พ่อของผมและผมเกือบถูกฆ่าคนโดยมีภูมิหลังต่อต้านชาวยิว”
การยิงดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางคำเตือนว่า เหตุการณ์ความเกลียดชังต่อชาวมุสลิมและชาวยิวได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่สงครามในฉนวนกาซาเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 7 ต.ค. 2023
นิฮาด อาวาด ผู้อำนวยการบริหารระดับประเทศของ Council on American-Islamic Relations กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่าขบขันอย่างยิ่งที่ผู้ต้องสงสัยและเหยื่อในเหตุการณ์ยิงกันที่ไมอามีบีชต่างก็มีทัศนคติเหยียดชาวปาเลสไตน์”
เขาเสริมว่า “นี่เป็นเพียงตัวอย่างล่าสุดของความเกลียดชังที่มุ่งเป้าไปที่ชุมชนชาวปาเลสไตน์-อเมริกันในประเทศนี้และชาวปาเลสไตน์ในบ้านเกิดของพวกเขา ผู้กำหนดนโยบายในประเทศของเราควรหยุดปลุกปั่นความเกลียดชังต่อชาวปาเลสไตน์ที่นำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซาและอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังในอเมริกา”
เรียบเรียงจาก Al Jazeera / The Guardian