สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ระบุว่า เมื่อวันที่ 3 มี.ค. สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งศาสนจักรโรมันคาทอลิก ซึ่งทรงเข้ารับการรักษาอาการปอดอักเสบมานานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว ได้ทรงประสบภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน 2 ครั้ง ภาวะดังกล่าวเกิดจากเสมหะในหลอดลมสะสมจำนวนมาก ซึ่งทำให้หลอดลมหดเกร็ง โดยแพทย์ได้ให้การรักษาโดยส่องกล้องหลอดลมและดูดเสมหะออกจากปอดของพระองค์
ทั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสต้องกลับไปใช้หน้ากากออกซิเจนและเครื่องช่วยหายใจอีกครั้ง แต่พระองค์ยังทรงตื่นตัว มีสติ และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
นี่ถือเป็นครั้งที่ 3 ที่อาการของพระองค์ทรุดหนัก นับตั้งแต่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเมื่อ 18 วันก่อน
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเข้ารับการรักษาอาการหลอดลมอักเสบเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ก่อนจะทรุดลงเป็นปอดอักเสบทั้งสองข้าง จากนั้นในวันที่ 22 ก.พ. พระองค์ทรงมีอาการคล้ายหอบหืดและต้องรับเลือดเนื่องจากเกล็ดเลือดต่ำ
หลังจากนั้น อาการของพระองค์ดีขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะมีอาการหลอดลมตีบเฉพาะที่ ซึ่งทำให้อาเจียน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และอาการทรงตัวในช่วงสุดสัปดาห์
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อในปอดได้ง่าย เนื่องจากสมัยวัยหนุ่ม พระองค์เคยป่วยเป็นโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบ (Pleurisy) จนต้องผ่าตัดเอาส่วนหนึ่งของปอดออก โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ระบุว่า อายุของพระองค์และโรคทางเดินหายใจเรื้อรังที่พระองค์มีอยู่ ทำให้การฟื้นตัวต้องใช้เวลา
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงขอบคุณผู้ที่ส่งกำลังใจและคำอวยพรถึงพระองค์ ผ่านข้อความในบัญชี X หลังทรงพลาดการนำสวดบททูตสวรรค์แจ้งข่าวเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
ประชาชนและผู้ศรัทธายังคงร่วมสวดภาวนาทุกคืน เพื่อขอให้พระองค์ทรงหายจากอาการประชวร ที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ รวมถึงในเมืองต่างๆ ทั่วอิตาลีและในต่างประเทศ
ก่อนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงปฏิบัติพระกรณียกิจจำนวนมาก โดยเฉพาะกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับปีศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรคาทอลิก